ในอดีต Bitcoin เป็นสินทรัพย์ลงทุนที่มีการซื้อขายไม่เหมือนสินทรัพย์ลงทุนอื่นๆ แต่หลังจากการประกาศมาตรการภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ทำให้ Bitcoin มีการซื้อขายที่เหมือนกับสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆทั่วไป โดยราคา Bitcoin ปรับลดลงอย่างมากจาก $84,600 เหลือ $75,000 ภายใน 1 สัปดาห์หลังจากการประกาศมาตรการภาษีในวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา การลดลงครั้งนี้เกิดขึ้นพร้อมกับการเทขายหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งในช่วงสัปดาห์ดังกล่าว Bitcoin ลดลง 10.5% ใกล้เคียงกับ S&P 500 ที่ลดลง 11.6% และ Nasdaq 100 ที่ลดลง 12.0%
Adrian Fritz หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ 21Shares ผู้ให้บริการ ETP สำหรับสกุลเงินดิจิทัล กล่าวว่า Bitcoin มีความสัมพันธ์ที่เพิ่มขึ้นมากกับ Nasdaq และ S&P 500 สะท้อนถึงบทบาทที่เปลี่ยนแปลงไปของสินทรัพย์ที่มีความอ่อนไหวต่อภาพเศรษฐกิจ และนักลงทุนสถาบันก็ลงทุนใน Bitcoin ในลักษณะที่เหมือนกับการลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งมีรูปแบบที่สะท้อนภาพสภาวะการณ์ทางเศรฐกิจ
Dovile Silenskyte ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยสินทรัพย์ดิจิทัล WisdomTree อธิบายว่า Bitcoin อาจเป็นระบบสกุลเงินที่มีการกระจายอำนาจหรือ Decentralize ได้ แต่การซื้อขายในตลาดไม่อาจแยกออกจากสินทรัพย์อื่นๆได้ เมื่อความกลัวต่อภาพเศรษฐกิจที่เพิ่มมากขึ้น ก็ทำให้ Bitcoin ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกันกับสินทรัพย์อื่นๆ
มาตรการภาษีของทรัมป์และ Bitcoin
ทรัมป์สัญญาว่าจะทำให้สหรัฐอเมริกากลายเป็น “ศูนย์กลาง Bitcoin” ที่ดึงดูดแหล่งเงินทุนจากสถาบันต่างๆ แต่ก็ทำให้ Bitcoin เชื่อมโยงกับความเสี่ยงทางการเมืองซึ่งส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินในรูปแบบดั้งเดิมอีกด้วย และความสัมพันธ์ที่พัฒนาไปนี้จึงทำให้ Bitcoin มีสถานะเป็นสินทรัพย์เสี่ยงที่มากขึ้น
Dovile Silenskyte ชี้ว่าเมื่อประเด็นการเก็บภาษีทางการค้าเกิดขึ้นจึงทำให้ความต้องการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยมีมากขึ้น นักลงทุนจึงย้ายเงินลงทุนออกจากตลาดหุ้นและ Bitcoin ไปสู่การลงทุนในสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกว่าอย่างทองคำ ขณะเดียวกันหลังจากข่าวการเก็บภาษีทางการค้าถูกชะลอออกไปก่อน 90 วันก็ทำให้ความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงกลับเข้ามาอีกครั้ง โดยวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมาราคา Bitcoin ได้ปรับเพิ่มขึ้น 8.2% และ S&P 500 เพิ่มขึ้น 9.5% ซึ่งการปรับเพิ่มขึ้นของราคา Bitcoin รอบนี้ไม่ได้มาจากเรื่องของปัจจัยพื้นฐานแต่มาจากปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาค
Ferdinando Ametrano กรรมการผู้จัดการของ CheckSig และศาสตราจารย์ด้านเทคโนโลยี Bitcoin และ Blockchain ที่มหาวิทยาลัย Milan-Bicocca กล่าวว่า Bitcoin เปรียบเสมือนปรอทวัดภาวะโลกาภิวัตน์ของโลก มีความอ่อนไหวต่อสถานการณ์ระหว่างประเทศ ส่วนหนึ่งก็ถูกมองว่าเหมือนหุ้นเทคโนโลยีของอเมริกา อีกส่วนหนึ่งมองว่าเป็นเหมือนทองคำดิจิทัลซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ซึ่งเชื่อว่าความชัดเจนจะเกิดขึ้นในอนาคต ขณะที่ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นในตอนนี้ทำให้ราคา Bitcoin ถูกขับเคลื่อนไปกับตลาดหุ้นซึ่งมีผลมากกว่าผู้ลงทุนอีกส่วนที่เน้นการซื้อและถือยาว
Bitcoin มีความผันผวนน้อยลงเมื่อเทียบกับในอดีต
แม้ว่าช่วงนี้ราคา Bitcoin จะมีความผันผวนมากแต่จากข้อมูลที่มีแสดงให้เห็นว่าความผันผวนของสกุลเงินดิจิทัลนี้มีน้อยลง ทั้งนี้จากข้อมูลในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาพบว่า ความผันผวนรายปีในรอบ 90 วันของ Bitcoin นั้นลดลงเกือบครึ่งหนึ่ง หรือจาก 95% ในเดือนมีนาคม 2021 เหลือ 52% ในเดือนมีนาคม 2025 ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ตลาดมีผู้เล่นรายใหญ่อย่างสถาบันการเงินเข้ามามากขึ้น การพัฒนาเครื่องมือทางการเงินอย่างเช่น ETF ของ Bitcoin สัญญาซื้อขายล่วงหน้า และอนุพันธ์ทางการเงิน จึงช่วยทำให้นักลงทุนเข้ามาซื้อขายและป้องกันความเสี่ยงล่วงหน้าได้ด้วย นักลงทุนสถาบันค่อยๆเข้ามาแทนที่แรงเก็งกำไรของนักลงทุนรายย่อยและทำให้โครงสร้างปริมาณการซื้อขายในตลาดมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ลดความเสี่ยงและความผันผวนลงเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้านี้ รวมถึงการเปิดให้ซื้อขายได้ 24 ชั่วโมงในทุกๆวันก็ทำให้ตลาดดึงดูดสภาพคล่องได้มากขึ้น
ความคาดหวังของราคาต่อจากนี้
ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรกที่สนับสนุนคริปโตเคอเรนซีอย่างเปิดเผย และคาดว่าการดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 ของทรัมป์จะช่วยสร้างนโยบายที่เป็นมิตรต่อตลาดคริปโตมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะราบรื่นตั้งแต่นี้เป็นต้นไป นักลงทุนคาดหวังได้ว่าเป็นได้ทั้งโอกาสและความผันผวน ปัจจัยทางมหภาคยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนตลาดการเงินและ Bitcoin มากที่สุดในตอนนี้
นอกจากการเอื้ออำนวยทางกฏระเบียบในตลาดสหรัฐแล้ว ตลาดยุโรปที่มีร่างกฏหมายในการกำกับดูแลตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นจะเป็นการเปิดให้มีผู้เล่นสถาบันรายใหม่อย่างเช่น BlackRock และ Fidelity เข้ามา ซึ่งทำให้เป็นไปได้ว่าราคา Bitcoin อาจขึ้นไปแตะระดับสูงสุดใหม่ได้ในอีก 12-18 เดือนจากนี้ ซึ่งก็นับได้ว่า Bitcoin ถือเป็นสกุลเงินทางเลือกอีกทางหนึ่งภายใต้ความผันผวนของราคาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้