โอกาสที่เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยได้เพิ่มขึ้นมากในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นความคิดเห็นจากทีมเศรษฐศาสตร์ของ Morningstar สหรัฐ ในช่วงเศรษฐกิจถดถอย นักลงทุนมักจะมองหาการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำและสามารถปกป้องพอร์ตได้ดีขึ้น โดยบางประเภทของสินทรัพย์ที่คาดว่าจะทำได้ดีในช่วงนี้ ได้แก่ พันธบัตร, ทองคำ, หุ้นในกลุ่มสินค้าจำเป็น (consumer staples), และเงินสด เป็นต้น ทั้งนี้ นักลงทุนควรพิจารณาสัดส่วนการลงทุนที่หลากหลายและระมัดระวังในการลงทุนเพื่อรับมือกับความผันผวนในตลาดค่ะ
เอมี่ อาร์น็อตต์ ได้ทำการวิจัยภาวะถดถอยในอดีตเพื่อระบุว่า กลุ่มสินทรัพย์ สไตล์การลงทุน และภาคส่วนของหุ้นใดที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุดและแย่ที่สุด นักวางกลยุทธ์พอร์ตโฟลิโอจากบริษัทมอร์นิ่งสตาร์ ได้อธิบายเกี่ยวกับผลการวิจัยเพื่อช่วยให้นักลงทุนสามารถจำกัดความเสียหายบางส่วน
ทำไมความผันผวนของตลาดในปัจจุบันอาจไม่จบลงในเร็วๆ นี้
ความกลัวเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยกำลังเพิ่มขึ้น เนื่องจากความไม่แน่นอนจากสงครามการค้า แล้วความผันผวนในตอนนี้เปรียบเทียบกับช่วงเวลาอื่นๆ เป็นอย่างไร (บทสัมภาษณ์ในวันพุธที่ 16 เมษายน)
อาร์น็อตต์: เราเริ่มเห็นความผันผวนของตลาดเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ อย่างที่เห็นกัน เราเห็นการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ในต้นเดือนเมษายน หลังจากมีการประกาศรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการภาษี จากนั้นตลาดก็ร่วงลงหนักในช่วงสองวัน โดยวันหนึ่งตลาดร่วงลงประมาณ 5% และวันถัดมาก็ร่วงลงอีก 5% ตั้งแต่นั้นมา ตอนนี้ที่เราอยู่ในช่วงพัก 90 วัน สถานการณ์ก็ดูเหมือนจะสงบลงเล็กน้อย
แต่ถ้าคุณดูที่ดัชนี VIX ซึ่งใช้วัดความคาดหวังของตลาดต่อความผันผวนในอนาคต มันก็ยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยมาก ตอนนี้ดัชนีอยู่ที่ประมาณ 30 ในขณะที่ค่าเฉลี่ยระยะยาวอยู่ที่ประมาณ 20 เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและความผันผวนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจน
ควรทำอย่างไรในช่วงตลาดผันผวน
การเคลื่อนไหวขึ้นๆ ลงๆ ของตลาดหุ้นเมื่อไม่นานมานี้ทำให้นักลงทุนรู้สึกกังวล หลายคนถูกแนะนำว่าอย่าเปิดดูพอร์ตการลงทุนของตัวเอง แต่บางคนก็ยังดูนะ แล้วคุณล่ะ
อาร์น็อตต์: ยังเปิดดูพอร์ตของตัวเองอยู่ค่ะ เพราะต้องล็อกอินเข้าไปเพื่อโอนเงินจ่ายภาษี คงเหมือนกันกับทุกคนเวลาที่เห็นยอดเงินลดลง โชคดีว่าในกรณีของฉัน มันไม่ได้แย่มากนัก เพราะมีการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตไว้ค่อนข้างดี
แต่ฉันคิดว่าในสถานการณ์แบบนี้ การถอยออกมาสักก้าวหนึ่งและเตือนตัวเองว่า เราลงทุนไปเพื่ออะไร? ระยะเวลาในการลงทุนของเราคือเท่าไร? เป็นสิ่งที่ช่วยได้ หวังว่าคุณจะมีการจัดสรรสินทรัพย์ที่เหมาะสมกับระยะเวลาและเป้าหมายของคุณ ถ้าเป็นเช่นนั้น ฉันคิดว่าคุณก็สามารถให้ความมั่นใจกับตัวเองได้ว่า ความผันผวนเป็นเพียงเรื่องชั่วคราว ตลาดมีช่วงที่ตกต่ำเป็นระยะๆ อยู่แล้ว แต่แนวโน้มระยะยาวของตลาดตามประวัติที่ผ่านมา มักจะเป็นบวกเสมอค่ะ
นักลงทุนที่ใกล้เกษียณจะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในช่วงตลาดผันผวนได้อย่างไร
ความผันผวนของตลาดแบบนี้ส่งผลต่อคนที่วางแผนจะเกษียณภายในอีก 5 ถึง 10 ปีอย่างไร?
อาร์น็อตต์: ถ้าคุณยังมีเวลาอีกประมาณ 10 ปีก่อนเกษียณ ก็อาจจะยังไม่ใช่ปัญหาใหญ่นัก แต่ถ้าคุณใกล้เกษียณภายใน 5 ปี นั่นแหละคือสิ่งที่ที่ปรึกษาทางการเงินหลายคนเรียกว่า “เขตอันตรายของการเกษียณ”
ปัญหาคือ ถ้าคุณเจอกับตลาดที่ขาดทุนต่อเนื่องสองสามปีติดกัน พอร์ตของคุณจะมีเวลาฟื้นตัวน้อยลงก่อนที่คุณจะเริ่มเกษียณและเริ่มถอนเงินออกมาใช้
ดังนั้น หากคุณอยู่ในช่วง 5 ปีก่อนเกษียณ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมการลดความเสี่ยงของพอร์ตจึงเป็นความคิดที่ดี คุณควรเริ่มปรับพอร์ตให้มีสินทรัพย์ที่ปลอดภัยมากขึ้น เช่น เงินสด หรือพันธบัตร โดยเฉพาะพันธบัตรระยะสั้นถึงระยะกลาง
ผู้เกษียณจะลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาดได้อย่างไรด้วยแนวทาง “Bucket Approach”
อาร์น็อตต์: ถ้าคุณอยู่ในช่วง 5 ปีแรกของการเกษียณ นั่นคือช่วงเวลาที่คุณต้องกังวลกับความเสี่ยงจากผลตอบแทนมากที่สุด และนี่แหละคือเหตุผลที่แนวทาง “Bucket Approach” ถึงเหมาะกับหลายๆ คน
วิธีนี้คือการแบ่งพอร์ตของคุณออกเป็นถังๆ (Buckets) เช่น
- กันเงินสดไว้สำหรับการถอนใช้ 1 ถึง 2 ปี
- อีกส่วนหนึ่งลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า เช่น พันธบัตร หรือกองทุนที่มีการจัดสรรแบบปานกลาง สำหรับ 5 ถึง 8 ปี
- ส่วนที่เหลือค่อยลงทุนในหุ้น
ข้อดีของวิธีนี้คือ ช่วยในเชิงจิตวิทยาได้มาก เพราะเวลาที่ตลาดหุ้นตก คุณก็สามารถถอนเงินจาก “ถังเงินสด” แทนที่จะต้องขายหุ้นในช่วงที่หุ้นราคาตก นั่นจะช่วยให้คุณไม่ต้องตัดขาดทุนจากพอร์ตที่มีความผันผวนสูงค่ะ
กลุ่มสินทรัพย์ใดทำผลงานได้ดีที่สุดและแย่ที่สุดในช่วงเศรษฐกิจถดถอย?
อาร์น็อตต์: โดยปกติแล้ว หุ้นมักจะให้ผลตอบแทนติดลบในช่วงเศรษฐกิจถดถอย เหตุผลก็คือเมื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัว บริษัทจำนวนมากก็จะมีรายได้ กำไร และผลการดำเนินงานที่ลดลง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็จะสะท้อนออกมาในราคาหุ้น
ในทางตรงกันข้าม พันธบัตรมักจะเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยกว่าในช่วงเศรษฐกิจถดถอย ส่วนหนึ่งเพราะพันธบัตรให้กระแสเงินสดที่ค่อนข้างคงที่ เมื่อคุณซื้อพันธบัตร คุณจะรู้ล่วงหน้าว่าจะได้รับดอกเบี้ยเท่าไหร่ และจะได้เงินต้นคืนเท่าไหร่เมื่อครบกำหนด
ดังนั้นผู้คนจึงมักหันไปถือพันธบัตรในช่วงเศรษฐกิจถดถอยเพราะมันปลอดภัยกว่า และอีกข้อดีหนึ่งของพันธบัตรก็คือ ธนาคารกลางสหรัฐฯ มักจะลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่ถดถอย ซึ่งส่งผลดีต่อราคาพันธบัตร
และแน่นอนว่า “เงินสด” แม้จะไม่ใช่สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนเติบโตในระยะยาว แต่ก็สามารถรักษามูลค่าได้ในช่วงตลาดขาลงหรือภาวะเศรษฐกิจถดถอยค่ะ
สิ่งที่นักลงทุนควรรู้ก่อนตัดสินใจลงทุนในทองคำ
ทองคำสามารถใช้เป็นเครื่องมือป้องกันความผันผวนของตลาดได้ แล้วนักลงทุนควรคำนึงถึงอะไรบ้างก่อนจะซื้อทองคำหรือกองทุนทองคำ?
อาร์น็อตต์: ปีนี้เราเห็นหลายคนหันมาถือทองคำเพื่อเป็นที่พักเงินค่ะ อย่างตอนนี้ที่เราคุยกันในวันที่ 16 เมษายน ราคาทองคำปรับตัวขึ้นมาประมาณ 23% ตั้งแต่ต้นปี แต่ก็มีหลายเรื่องที่ควรพิจารณา
อย่างแรกคือ ถึงแม้ว่าทองคำจะถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย แต่จริงๆ แล้วมันมีความผันผวนสูง และเกือบจะเทียบเท่ากับหุ้นเลยค่ะ อีกประเด็นคือ ราคาทองคำตอนนี้ก็ปรับขึ้นมามากพอสมควรแล้ว ดังนั้นอาจไม่ใช่จังหวะที่ดีที่สุดในการเข้าซื้อ
อีกเรื่องสำคัญที่ควรจำไว้คือ ทองคำไม่ใช่สินทรัพย์ที่ให้การเติบโตในระยะยาว มันมีประวัติที่ดีในการรักษามูลค่าตลอดช่วงเวลาที่ยาวนานมากเป็นร้อยปี แต่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนที่เติบโตเหมือนหุ้นหรืออสังหาริมทรัพย์
ดังนั้น ถ้าคุณอยากซื้อทองคำจริงๆ ฉันแนะนำว่าให้ถือไว้ในสัดส่วนเล็กๆ ของพอร์ตการลงทุนโดยรวมค่ะ เพื่อใช้เป็นส่วนเสริมในการกระจายความเสี่ยง มากกว่าจะใช้เป็นสินทรัพย์หลักในพอร์ต
ทำไมการถือหุ้นบริษัทยักษ์ใหญ่ถึงดีกว่าในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว
การถือหุ้นขนาดใหญ่หรือเล็กในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว แล้วประวัติศาสตร์บอกเราว่าอย่างไร
อาร์น็อตต์: ถ้ามองในแง่ขนาดแล้ว โดยทั่วไปบริษัทขนาดใหญ่จะสามารถรับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ดีกว่า นั่นเป็นเพราะบริษัทใหญ่ๆ มักจะมีสายธุรกิจที่หลากหลายกว่า และมีงบดุลที่แข็งแกร่งกว่า ทำให้สามารถประคองตัวได้ดีขึ้นในช่วงเศรษฐกิจอ่อนแอ
ในขณะที่บริษัทขนาดเล็กหรือหุ้นกลุ่ม Small Cap มักพึ่งพาธุรกิจเพียงประเภทเดียว และอาจมีหนี้สินในงบดุลมากกว่า โดยปกติเราจะเห็นว่าบริษัทขนาดเล็กมักตามหลังหรือได้รับผลกระทบมากกว่าในช่วงเศรษฐกิจถดถอยค่ะ
ทำไมหุ้นกลุ่มผู้บริโภคที่มีความมั่นคง (Consumer Defensive Stocks) ถึงมีความแข็งแกร่งในช่วงเศรษฐกิจถดถอย
อาร์น็อตต์: เราจะเห็นรูปแบบที่ค่อนข้างสม่ำเสมอในหุ้นกลุ่มผู้บริโภคที่มีความมั่นคง (consumer staples) ซึ่งมักจะสามารถรักษาผลการดำเนินงานได้ดีที่สุดในช่วงเศรษฐกิจถดถอยเกือบทุกครั้ง
สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นคือในช่วงเศรษฐกิจถดถอย ผู้บริโภคมักจะไม่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการซื้อของตัวเองมากนัก สำหรับสิ่งของที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น น้ำยาซักผ้าหรือกระดาษทิชชู่ คนส่วนใหญ่จะไม่ลดการซื้อสิ่งเหล่านี้แม้เศรษฐกิจจะชะลอตัว แต่สำหรับสินค้าที่ไม่จำเป็นหรือใช้จ่ายตามอำเภอใจ เช่น เสื้อผ้าหรือรถยนต์ นั่นอาจจะเป็นสิ่งแรกที่ผู้คนจะลดลงเมื่อพยายามควบคุมการใช้จ่ายค่ะ
กลุ่มอุตสาหกรรมใดที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดในภาวะเศรษฐกิจถดถอยในอดีต?
อาร์น็อตต์: สิ่งที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดมักจะเป็นกลุ่มพลังงาน, การเงิน, สินค้าผู้บริโภคที่ไม่จำเป็น, และโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทั้งหมดนี้มักจะมีความไวต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจค่ะ
การสร้างแผนการลงทุนในช่วงตลาดผันผวน
อาร์น็อตต์: ความผันผวนของตลาดสามารถทำให้รู้สึกไม่มั่นคงและอาจทำให้คุณสงสัยว่า ควรปรับพอร์ตการลงทุนหรือเปลี่ยนไปถือเงินสดดีไหม จะหลีกเลี่ยงความไม่แน่นอนและความผันผวนนี้ได้อย่างไร แต่ในช่วงเวลาเช่นนี้ การกลับไปทบทวนสิ่งที่เราลงทุนเพื่ออะไร มองถึงเป้าหมายระยะยาวของเรา และดูว่าการจัดสรรพอร์ตของเรานั้นเหมาะสมกับระยะเวลาและความเสี่ยงของเราหรือไม่ เป็นเรื่องที่มีประโยชน์มาก