เรามาทำความรู้จักกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นยอดเยี่ยม - กองทุนเปิดไทยพาณิชย์เกษียณสุข (ตราสารหนี้) ผ่านบทสัมภาษณ์กันเลยค่ะ
คุณคิดว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้กองทุนของคุณมีผลการดำเนินงานที่ดีในปี 2024
การขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในปี 2024 ยังคงชะลอตัวต่อเนื่องจากปีก่อนหน้า โดยได้รับผลกระทบจากการส่งออกที่ลดลงเนื่องจากการหดตัวของการค้าโลกอย่างมีนัยสำคัญ และการใช้จ่ายภาครัฐที่ล่าช้าจากงบประมาณประจำปี อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศทั้งจากการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน รวมถึงการเติบโตของภาคการท่องเที่ยว ยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ที่ขอบล่างของกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ (1-3%) ส่งผลให้ตลาดตราสารหนี้เผชิญกับความผันผวนอย่างต่อเนื่องในปี 2024
ดังนั้น กองทุนจึงใช้กลยุทธ์การบริหารแบบ Active Management เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีการปรับเพิ่ม Portfolio Duration โดยเน้นพันธบัตรตราสารหนี้ระยะกลางและยาว เนื่องจากคาดว่าอัตราดอกเบี้ยในตลาดมีแนวโน้มลดลง รวมถึงการลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีคุณภาพดีเพื่อเพิ่มผลตอบแทน โดยทีมผู้จัดการกองทุนและนักวิเคราะห์ได้ทำการวิเคราะห์หลักทรัพย์และเครดิตของผู้ออกตราสารอย่างละเอียด และนำปัจจัยด้าน ESG มาประกอบการพิจารณาเพื่อประเมินความเสี่ยงและผลตอบแทน นอกจากนี้ กองทุนสามารถลงทุนในตราสารอนุพันธ์บางส่วนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน
คุณมีวิธีรับมือกับการผันผวนของตลาดในปี 2024 อย่างไร
การบริหารกองทุนเชิงรุก (Active Management) ผ่านกระบวนการการวิเคราะห์เครดิต (Credit Process) ที่เข้มงวด เกณฑ์การกระจายความเสี่ยง (Portfolio Diversification) กระบวนการจัดสรรความเสี่ยงด้านตลาด (Market Risk Budgeting and Monitoring Process) และด้านสภาพคล่อง (Liquidity Risk Management) ที่สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่กำหนดไว้ของกองทุน คือ ปัจจัยสำคัญในการรับมือกับความผันผวนของตลาดในปี 2024 กองทุนมีการติดตามและประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างใกล้ชิด โดยมุ่งเน้นการวิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจ รวมถึงการศึกษาสภาวะการลงทุนในตลาดต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ ทำการวิเคราะห์ทั้งในระดับมหภาคและจุลภาค รวมถึงปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบต่อการลงทุน เพื่อประเมินสถานการณ์ปัจจุบัน และคาดการณ์ทิศทางของตลาดในอนาคต การติดตามสถานการณ์อย่างละเอียดนี้ช่วยให้กองทุนสามารถกำหนดสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา และปรับกลยุทธ์การลงทุนตามความจำเป็นเมื่อเกิดความผันผวนในตลาด รวมถึงการบริหารกองทุนเชิงรุกซึ่งถือเป็นกุญแจสำคัญในการลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอ แนวทางจัดการดังกล่าวช่วยให้ผู้จัดการกองทุนสามารถจัดการพอร์ตโฟลิโอได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
อะไรคือจุดแข็งของทีมบริหารการลงทุนของคุณที่ทำให้กองทุนนี้ประสบความสำเร็จ
จุดแข็งของทีมบริหารการลงทุนประกอบด้วยหลายมิติ:
- กระบวนการที่มีวินัย: วัฒนธรรมการลงทุนที่มีวินัยช่วยให้ผู้จัดการกองทุนปฏิบัติตามหลักความรอบคอบและระมัดระวังเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของลูกค้า เรารักษากระบวนการลงทุนที่เข้มงวดและเป็นระบบเพื่อให้การตัดสินใจลงทุนมีความสม่ำเสมอและความน่าเชื่อถือ โดยมีคณะกรรมการการลงทุนเป็นแกนหลักของกระบวนการลงทุน
- การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง: เรามุ่งมั่นที่จะปรับปรุงกลยุทธ์และกระบวนการของเราอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับตัวให้เข้ากับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงและสนับสนุนการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์
- พลวัตของทีมที่แข็งแกร่ง: เราให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ในการทำงานที่ดีและการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยเพิ่มความร่วมมือและความไว้วางใจภายในทีม
- การมุ่งเน้นที่ปัจจัย ESG: เราผนวกปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) เข้ากับการวิเคราะห์การลงทุนของเรา ช่วยให้เราประเมินความเสี่ยงและโอกาสได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น
คุณมีมุมมองเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจในปี 2025 อย่างไร และคิดว่าจะส่งผลกระทบกับการตัดสินใจลงทุนของคุณอย่างไรบ้าง
เศรษฐกิจโลกคาดว่าจะเผชิญกับความท้าทายจากผลกระทบของนโยบาย Trump 2.0 โดยเฉพาะการขึ้นกำแพงภาษีระหว่างประเทศในปี 2025 ซึ่งอาจทำให้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2025 ชะลอตัวลงจากปีก่อน ความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐฯที่มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นภายหลังจากที่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งในปีที่ผ่านมา รวมทั้งแนวโน้มเงินเฟ้อที่มีโอกาสปรับตัวลดลงได้ช้ากว่าคาดการณ์ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯเคยประเมินไว้ โดยปัจจัยสำคัญยังคงอยู่ที่การคาดการณ์ทิศทางดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ซึ่งในการประชุมครั้งสุดท้ายของปี 2567 ธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ส่งสัญญาณว่าการดำเนินนโยบายด้านภาษีและอัตราศุลกากรของทรัมป์จะเป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณานโยบายการเงิน โดยท่าทีระมัดระวังดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจกลับมาให้ความสำคัญกับความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อมากขึ้น ทำให้คาดว่าการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ จะลดลงจากที่เคยประเมินไว้ก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม แม้เศรษฐกิจโลกจะมีแนวโน้มชะลอตัว ธนาคารกลางหลักของแต่ละประเทศ อาทิ อังกฤษ ยุโรป จีน ก็ยังมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อไป
สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2025 คาดว่า GDP จะขยายตัวชะลอลงจากปี 2024 เนื่องจากความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายนอก เช่น ผลกระทบจากมาตรการกีดกันการค้าของทรัมป์ รวมถึงปัจจัยเสี่ยงจากภายในประเทศ เช่น หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และภาคธุรกิจที่ฟื้นตัวไม่ทั่วถึง นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับต่ำและคาดว่าจะยังคงอยู่ในกรอบล่างของธนาคารแห่งประเทศไทย (ประมาณ 1%) ทำให้ตลาดส่วนใหญ่จึงมองยังว่ามีโอกาสที่คณะกรรมการนโยบายการเงินจะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อในปี 2025 โดยหากภาคการค้าได้รับผลกระทบที่ค่อนข้างรุนแรง คณะกรรมการนโยบายการเงินอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้มากกว่า 1 ครั้ง ดังนั้น การลงทุนในปี 2025 จึงให้ความสำคัญกับการลงทุนในตราสารที่มีความมั่นคงสูง เช่น ตราสารหนี้รัฐบาล หรือหุ้นกู้ภาคเอกชนที่มีคุณภาพดี พร้อมกับติดตามการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการของตลาดอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การลงทุนมีความเสี่ยงอยู่ในระดับที่เหมาะสมและกองทุนได้รับผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาว
ความเสี่ยงใดที่คุณกังวลมากที่สุดสำหรับปี 2025 และ คุณมีวิธีจัดการพอร์ตการลงทุนเพื่อรับมือกับความเสี่ยงเหล่านั้นอย่างไร
ในปี 2025 ความเสี่ยงที่น่ากังวลคือการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่อาจรุนแรงกว่าคาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะจากนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งอาจเร่งปัญหาภูมิรัฐศาสตร์และการกีดกันการค้าให้รุนแรงขึ้น ส่งผลกระทบต่อการค้า การลงทุน และเงินเฟ้อ รวมถึงทิศทางการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต การชะลอตัวนี้อาจทำให้เกิดความไม่แน่นอนในตลาดการเงินและการลงทุนทั่วโลก ซึ่งเป็นปัจจัยที่นักลงทุนและผู้กำหนดนโยบายการเงินต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดเพื่อหาวิธีรับมือและลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ การเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่อ่อนแอลงอาจเพิ่มความเสี่ยงด้านเครดิตในบางกลุ่มธุรกิจ ซึ่งต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
การลงทุนในปี 2025 ควรติดตามสถานการณ์ในตลาดอย่างใกล้ชิดและประเมินสภาวะการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวะตลาดในแต่ละช่วงเวลา ควรเน้นการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดี นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญการลงทุนในตราสารที่มีความมั่นคงสูง เช่น ตราสารหนี้ภาครัฐบาล หรือหุ้นกู้ภาคเอกชนที่มีคุณภาพดี จะช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด การวางแผนการลงทุนอย่างรอบคอบและยืดหยุ่นตามสถานการณ์จะช่วยให้การลงทุนสามารถสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาว