เตรียมตัวลงทุนหุ้นปี 2025 อย่างไร

ในปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นสหรัฐปรับเพิ่มขึ้นโดยมีปัจจัยสนับสนุนจากกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่เติบโดดี เศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง เงินเฟ้อที่ชะลอลง 

Morningstar 12/01/2568
Facebook Twitter LinkedIn

ในปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นสหรัฐปรับเพิ่มขึ้นโดยมีปัจจัยสนับสนุนจากกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่เติบโดดี เศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง เงินเฟ้อที่ชะลอลง และการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ และแม้ว่านักวิเคราะห์จะคาดการณ์ว่าเหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้จะยังส่งผลต่อเนื่องมายังปี 2025 แต่ก็เตือนนักลงทุนให้ระวังต่อความไม่แน่นอนของตลาดหุ้นสหรัฐจากนโยบายการคลังที่เกิดขึ้นได้ และต่อจากนี้คือเหตุการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปีนี้และนักลงทุนควรรับมืออย่างไร

ตลาดหุ้นโดยรวม

ในปีที่แล้วตลาดหุ้นสหรัฐถูกขับเคลื่อนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่เพียงไม่กี่บริษัทภายใต้กำไรที่เติบโตดี ด้านมูลค่าของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพบว่าราคาได้ปรับขึ้นมาค่อนข้างมากแล้วทำให้นักวิเคราะห์คาดว่าจะเห็นการหมุนเวียนเงินลงทุนไปยังหุ้นกลุ่มอื่นๆในปีนี้ โดย Seth Meyer หัวหน้าฝ่ายบริหารพอร์ตโฟลิโอลูกค้าที่ Janus Henderson Investors เชื่อว่าภาพกำไรของตลาดโดยรวมที่ดีขึ้นน่าจะทำให้มีอีกหลายบริษัทที่ให้ผลตอบแทนในตลาดหุ้นได้ดีในปีนี้ โดยเฉพาะบริษัทที่ราคาซื้อขายยังอยู่ในระดับต่ำ ส่วน Jim Caron หรือ CIO ของกลุ่มPortfolio solutions ที่ Morgan Stanley Investment Management เปิดเผยว่าเขาได้เพิ่มการลงทุนไปยังหุ้นกลุ่มอื่นๆนอกเหนือไปจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ เช่น ลงทุนในดัชนีของหุ้นขนาดกลาง หรือให้น้ำหนักลงทุนเท่ากับน้ำหนักของดัชนีใน S&P 500 และลงทุนในหุ้นกลุ่มวัฐจักร เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมและที่อยู่อาศัยซึ่งคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตของกำไรที่ดีในปีนี้

การควบรวมกิจการที่มากขึ้น

Marci McGregor หัวหน้ากลุ่มงานกลยุทธ์การลงทุนที่ Merrill and Bank of America Private Bank เชื่อว่าปีนี้จะเป็นที่ที่ดีสำหรับการควบรวมกิจการ อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงทำให้กระบวนการทำ M&A ง่ายและเร็วขึ้น ด้านรัฐบาลชุดใหม่มีแนวโน้มที่จะผ่อนคลายกฏระเบียบต่างๆซึ่งเป็นโอกาสสำหรับหุ้นของบริษัทขนาดกลางและเล็กที่จะเติบโตได้ยั่งยืนมากขึ้น

ความไม่แน่นอนในสหรัฐ

แม้ตลาดหุ้นจะปรับขึ้นหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีที่แล้ว แต่ความไม่แน่นอนของนโยบายทั้งเรื่องภาษีและการขาดดุลงบประมาณอาจทำให้การมองภาพทิศทางของสินทรัพย์ต่างๆนั้นยากขึ้น นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศของประธานาธิบดี Donald Trump เช่น การลดภาษีนิติบุคคลและการเก็บภาษีสินค้านำเข้า อาจทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงได้ซึ่งขึ้นอยู่กับการปรับใช้นโยบาย

ความชัดเจนของนโยบาย Fed

ขณะที่นโยบายการคลังยังไม่แน่นอน แต่ด้านนโยบายการเงินมีทิศทางที่มีความชัดเจนมากขึ้นในตอนนี้เมื่อเทียบกับช่วงต้นปีที่แล้วที่ยังมีคำถามว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อไหร่ แต่ตอนนี้คำถามคือ Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเท่าไหร่แทน

1

ทั้งนี้ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา Fed ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงและปรับลดคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงจาก 4 ครั้งเหลือ 2 ครั้งในปี 2025 ทั้งนี้ประธาน Fed กล่าวว่าทิศทางดอกเบี้ยยังเป็นขาลงแม้ว่าจะมีแรงกดดันจากเงินเฟ้อและความไม่แน่นอนของนโยบายรัฐบาลก็ตาม

Seth Meyer หัวหน้าฝ่ายบริหารพอร์ตโฟลิโอลูกค้าที่ Janus Henderson Investors กล่าวว่าในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยทำให้เป็นโอกาสการลงทุนในตราสารหนี้จากราคาของตราสารที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นหากอัตราดอกเบี้ยปรับลดลง และหากดอกเบี้ยยังยืนอยู่ในระดับสูงเป็นเวลานานก็ยังเป็นระดับที่น่าสนใจในการลงทุนอีกเช่นกัน

เตรียมพร้อมรับความผันผวน

McGregor หัวหน้ากลุ่มงานกลยุทธ์การลงทุนที่ Merrill and Bank of America Private Bank กล่าวว่านักลงทุนควรเตรียมพร้อมรับความผันผวนในปีนี้และอย่าคาดหวังว่าตลาดหุ้นจะปรับเพิ่มขึ้นได้อย่างราบรื่นเหมือนปีที่แล้ว แม้ว่าจะมีช่วงที่ตลาดปรับฐานลงในช่วงเดือนเมษายน สิงหาคม พฤศจิกายน และธันวาคมก็ตาม แต่โดยรวมตลาดหุ้นปีที่แล้วก็ยังปรับเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ได้

1

ขณะที่ในปี 2025 อาจแตกต่างกัน ตลาดหุ้นที่ขึ้นมาอย่างมาก (Bull markets) คงต้องมีการปรับฐานลงและหยุดพักบ้าง การปรับตัวลงของตลาด 5-10% เป็นเรื่องปกติ และการปรับลงของตลาดก็จะเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าลงทุนของนักลงทุน

Facebook Twitter LinkedIn

About Author

Morningstar  Morningstar