We are currently investigating intermittent issues affecting access to some articles and pages on our site. We apologize for any inconvenience and are working to resolve this as quickly as possible.

แนวโน้มการลงทุนในปี 2025

แนวโน้มการลงทุนในปี 2025

Morningstar 02/12/2567
Facebook Twitter LinkedIn

เพื่อให้นักลงทุนบรรลุเป้าหมายการลงทุนระยะยาว ทาง Morningstar ได้รวบรวมปัจจัยที่ท้าทายและอาจเป็นโอกาสการลงทุนในปี 2025 มาดังนี้

ลงทุนอะไรดีในภาวะที่ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นมามากแล้ว

ในปี 2024 ตลาดหุ้นสหรัฐปรับเพิ่มขึ้นได้ดีเหนือกว่าตลาดหุ้นอื่นๆจนปัจจุบันมีมูลค่าที่แพงกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น โดยตลาดหุ้นสหรัฐปีนี้ปรับขึ้นแล้วกว่า 25%ซึ่งมีผลมาจากการปรับขึ้นของหุ้นที่อิงกระแส AI และความคาดหวังต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

สำหรับโอกาสการลงทุนในปีหน้าเราแนะนำให้เน้นไปที่ภูมิภาคอื่นนอกเหนือจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งคาดว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับความเสี่ยงที่มี ทั้งนี้จากการประเมินของ Morningstar คาดว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะให้ผลตอบแทนไม่ถึง 10% ขณะที่ตลาดอื่นๆมีโอกาสให้ผลตอบแทนที่สูงกว่ามากในอนาคต

1

ด้านมุมมองต่อตลาดหุ้นจีนในระยะกลางยังเป็นบวก แม้ที่ผ่านมาสถานการณ์จะย่ำแย่และอนาคตยังดูไม่ดีขึ้น แต่ความพยายามจากภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจก็คาดว่าจะทำให้เห็นภาพที่ดีขึ้น นอกจากนี้ตลาดยุโรปและอังกฤษก็นับว่าน่าสนใจที่สุดในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว โดยหุ้นที่มีมูลค่าตลาดขนาดเล็ก (Small-cap) คาดว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าหุ้นที่มีมูลค่าตลาดขนาดใหญ่ (Large-cap) เนื่องจากปัจจุบันหุ้นขนาดเล็กซื้อขายในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็นเกือบ 40%

แม้ภาพเศรษฐกิจและการเมืองจะสร้างความกังวลให้กับตลาดเกิดใหม่ (Emerging markets) แต่สำหรับนักลงทุนระยะยาวที่สามารถรองรับความผันผวนในระยะสั้นได้นั้นจึงถือได้ว่าเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าลงทุนในช่วงนี้ที่ตลาดมีความผันผวนสูงเพื่อผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว

คำแนะนำการลงทุน คือลองหากองทุนที่มีน้ำหนักการลงทุนในหุ้นนอกตลาดสหรัฐมากขึ้น นอกเหนือจากการให้น้ำหนักที่มากเกินไปในตลาดหุ้นสหรัฐ อย่างไรก็ดีไม่ได้แปลว่าให้หลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นสหรัฐไปเรยแต่ให้ลองมองหุ้นที่ราคายังไม่ได้ปรับขึ้นเยอะเพื่อลงทุนไว้ได้ นอกจากนี้ยังคงให้รอดูพัฒนาการทางเศรษฐกิจของจีนเพราะอาจทำให้ตลาดหุ้นจีนกลับมาเป็นที่นิยมได้ รวมไปถึงลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเพื่อกระจายความเสี่ยงในช่วงที่เศรษฐกิจอ่อนแอ

หาผลตอบแทนในสภาวะดอกเบี้ยต่ำ

ในช่วงที่เงินเฟ้อและดอกเบี้ยอยู่ในแนวโน้มขาลง นักลงทุนอาจไม่มั่นใจว่าจะลงทุนในตราสารหนี้อย่างไร ทั้งนี้นักวิเคราะห์เศรษฐกิจของ Morningstar คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐจะปรับลดลงจากปัจจุบัน 5.25%-5.50% เหลือ 4.25%-4.50%ในสิ้นปีนี้ และเหลือ 3.00%-3.25% ในช่วงสิ้นปี 2025 และ 2.00%-2.25% ช่วงสิ้นปี 2026  ซึ่งสะท้อนมายังอัตราผลตอบแทนจากการฝากเงินในธนาคารว่ามีแนวโน้มปรับลดลงด้วยเช่นกัน

1

สำหรับนักลงทุนระยะยาวจึงแนะนำให้น้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวมากขึ้นเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นตามภาพดอกเบี้ยนโยบายที่มีแนวโน้มลดลง นอกจากนี้ในอีก 10 ปีข้างหน้าเรายังคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 2.3% พันธบัตรรัฐบาลระยะยาวจึงให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจได้มากกว่าการถือเงินสดหรือฝากเงินไว้ในธนาคาร ขณะที่ตราสารหนี้เอกชนให้ผลตอบแทนได้ไม่มากพอเมื่อเปรียบเทียบกับความเสี่ยงที่มีซึ่งวัดได้จากส่วนต่างของอัตราผลตอบแทนระหว่างตราสารหนี้เอกชนกับตราสารภาครัฐที่อยู่ในอันดับใกล้เคียงกัน ซึ่งจากข้อมูลในอดีตเชื่อว่าภายใต้สภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ดีความคาดหวังผลตอบแทนที่จะเพิ่มขึ้นนั้นมีไม่มาก

นักลงทุนจึงควรเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุยาวมากขึ้นเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง และลงทุนไปในตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่มากขึ้นเพื่อกระจายการลงทุนและเพิ่มผลตอบแทน

การลงทุนใน Private Assets

อุตสาหกรรมการเงินในปัจจุบันได้เน้นไปที่การลงทุนโดยตรงในหุ้นของบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มากขึ้น ซึ่งการลงทุนในรูปแบบนี้เริ่มเผชิญความท้าทายที่มากยิ่งขึ้น กองทุนที่ลงทุนยังให้ผลตอบแทนจากการลงทุนได้ไม่ดีมากนัก ทั้งนี้ในแง่ความเหมาะสมของการลงทุนใน Private Assets พบว่ากองทุนประเภทบำเหน็จบำนาญในออสเตรเลียมักจะมีการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทนี้อยู่มาก เนื่องจากเป็นการลงทุนระยะยาวและสภาพคล่องของกองทุนมีความเหมาะสมที่จะลงทุน

นักลงทุนจึงควรให้ความสำคัญต่อความเสี่ยงด้านสภาพคล่องและข้อจำกัดในการลงทุน ทั้งนี้กองทุนที่มีการนำ Private Assets เข้ามาลงทุนเพิ่มร่วมกับการลงทุนในสินทรัพย์ปกติก็อาจทำให้มีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องมากขึ้น

ผลกระทบของ AI ต่อการลงทุนในปี 2025

หลังจากที่ Nvidia ได้ทำการลงทุนในธุรกิจนี้กว่า 1 หมื่นล้านดอลาร์สหรัฐเพื่อสร้างขีดความสามารถและกำลังการผลิต ทำให้เราคาดว่าในปี 2025 จะมีปริมาณการผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI มารองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างมากและรองรับวิวัฒนาการของ AI ที่จะเริ่มต้นจากนี้ไป

ถัดไปจากนี้ภาคธุรกิจต่างๆจะเริ่มนำระบบ AI เข้ามาในสินค้าและบริการของตัวเองเพื่อขับเคลื่อนรายได้และกำไรให้เติบโต และยังช่วยสร้างความสามารถในการแข่งขันและยกระดับผลตอบแทนให้กับกิจการในอนาคตได้อีกด้วย

สำหรับผู้ให้คำแนะนำการลงทุนแก่ลูกค้า อาจนำเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยจัดการงานเอกสารต่างๆ การเตรียมข้อมูลให้ลูกค้า งานที่เกี่ยวข้องกับกฏระเบียบ และเอกสารด้านการลงทุน หรือการใช้ AI เข้ามาจดเนื้อหาและสรุปผลการประชุมกับลูกค้า รวมไปถึงการเตรียมข้อมูลเบื้องต้นเรื่องการลงทุนเพื่อแจกจ่ายให้แก่ลูกค้า อย่างไรก็ดีจากงานวิจัยของ Morningstar พบว่าการใช้ AI ในการติดต่อกับลูกค้าหรือช่วยให้คำแนะนำการลงทุนนั้นอาจสร้างผลลัพธ์ที่ไม่ดีต่อความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าและผู้แนะนำการลงทุนได้

 

สรุปมุมมองปี 2025

นักวิเคราะห์ของ Morningstar ยังคงให้ความระมัดระวังในการลงทุนหุ้นสหรัฐในบางกลุ่ม และเห็นโอกาสในการลงทุนในหุ้นนอกประเทศสหรัฐ การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลนับเป็นการช่วยกระจายสินทรัพย์ลงทุนและยังให้ผลตอบแทนที่ดีในภาวะเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มลดลง นอกจากนี้ยังแนะนำว่านักลงทุนไม่ควรตื่นตระหนกในการลงทุนที่มากไปจากผลการเลือกตั้งสหรัฐล่าสุดซึ่งเป็นปัจจัยระยะสั้นเท่านั้น

Facebook Twitter LinkedIn

About Author

Morningstar  Morningstar