เข้าสู่ช่วงสุดท้ายของปี 2024 กันแล้ว นักลงทุนหลายท่านคงเริ่มเตรียมลงทุนในกองประหยัดภาษีกัน โดยเฉพาะกองทุน Thai ESG ซึ่งในปีนี้มีการปรับเกณฑ์ ให้ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเพิ่มจาก 100,000 บาทเป็น 300,000 บาท หรือ ไม่เกิน 30% ของรายได้ และลดเวลาถือครองจาก 8 ปี เหลือ 5 ปี นับจากวันลงทุน
ณ สิ้นเดือนตุลาคม กองทุน TESG มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวมทั้งสิ้นเกือบ1.16 หมื่นล้านบาท จากจำนวนกองทุนทั้งหมด 42 กองทุน โดยตั้งแต่ต้นปีมีเงินไหลเข้าสุทธิ 4.7 พันล้านบาท แบ่งเป็น กองทุนตราสารหนี้ 2.4 พันล้าน กองทุนหุ้นไทย 1.9 พันล้าน และกองทุนผสม 4 ร้อยล้านบาท และในปีนี้มีกองทุนเปิดใหม่ทั้งสิ้น 12 กองทุน ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ทั้งหมด 7 กอง จากหลากหลาย บลจ ที่ยังไม่ได้ออกกองทุนประเภทนี้ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ
ภาพรวมกองทุน TESG ยังคงเป็นการลงทุนในกองทุนหุ้น 60%, ตราสารหนี้ 26% และกองทุนผสม 13% ซึ่ง 3 บลจ. ใหญ่ ก็สามารถครองส่วนแบ่งได้ไปเกือบ 60%, นำโดย บลจ.กสิกรไทย (23%), บลจ. ไทยพาณิชย์ (20%) และ บลจ.บัวหลวง (18%)
หากดูรายกองทุน จะพบว่า กอง K Target Net Zero Thai Equity-ThaiESG ยังเป็นกองทุนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวมกว่า 2 พันล้านบาท ตามด้วย Bualuang Top-Ten Thailand ESG ที่ 1.4 พันล้านบาท และ KKP Government Bond Thailand ESG ที่ 1.3 พันล้านบาท ซึ่งทั้ง 3 กองยังคงครองตำแหน่งผู้นำในด้านมูลค่าทรัพย์สินสุทธิได้เช่นเดียวกับในช่วงต้นปี
ด้านเงินไหลเข้าสุทธิพบว่า 3 ใน 5 เป็นที่กองทุนเน้นลงทุนในตราสารหนี้ นำโดย KKP Government Bond Thailand ESG, K ESG Sovereign Instruments และ Bualuang Sovereign Instrument Thailand ESG โดย 2 กองทุนหลังเป็นกองซึ่งเปิดใหม่ในปีนี้ จะเห็นได้ว่านักลงทุนมีแนวโน้มให้ความสนใจกับกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำมากขึ้น
นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันมีเงินไหลเข้าสุทธิกองทุน Thai ESG 4.7 พันล้านบาท โดยในช่วง 7 เดือนแรก มีเงินไหลเข้าเฉลี่ยเดือนละ 100 กว่าล้านบาท ในขณะที่ช่วงครึ่งหลังของปีจะเริ่มมีเงินไหลเข้าอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยเฉพาะตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นมา จะเห็นได้ว่าเงินไหลเข้าค่อยๆขยับขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบแตะระดับ 1.7 พันล้านในเดือนตุลาคม ซึ่งคาดว่าน่าจะมีเงินไหลเข้าอีกมากในช่วง 2 เดือนสุดท้าย ซึ่งเป็นลักษณะปกติของกองทุนแบบประหยัดภาษี นอกจากนี้จะเห็นได้ว่านักลงทุนส่วนใหญ่ให้ความสนใจลงทุนในกองประเภทตราสารหนี้มากกว่าตราสารทุน
ด้านผลตอบแทน กองทุน Thai ESG มีผลตอบแทนเฉลี่ย YTD +1.28% แต่หากดูรายประเภทสินทรัพย์ กองทุนหุ้น ผลตอบแทนเฉลี่ย +0.85% โดยผลตอบแทนของกองทุนหุ้นมีความแตกต่างกันมาก ตั้งแต่ +7.7% จนถึง -7.9% ด้านกองทุนตราสารหนี้ ผลตอบแทนเฉลี่ย +4.59% และ กองทุนผสม ผลตอบแทนเฉลี่ย +3.14%
กองทุน 3 อันดับแรกนั้น ทำผลตอบแทนได้ค่อนข้างใกล้เคียงกันอย่างมาก นำโดย K Target Net Zero Thai Equity-ThaiESG YTD+ 7.72%, ONE Equity Thailand ESG +7.62%, และ Bualuang Top-Ten Thailand ESG +6.89% โดย 2 กองทุนหลัง ได้รับเรตติ้งกองทุนยั่งยืนจากมอร์นิ่งสตาร์ในระดับ 4 ลูกโลก ซึ่งสะท้อนความเสี่ยงด้าน ESG ที่ดีกว่าค่าเฉลี่ยของกองทุนในกลุ่มกองทุนหุ้นขนาดใหญ่ โดยหากดูทรัพย์สินที่ลงทุน 5 อันดับแรกที่แต่ละกองทุนถือนั้น จะเห็นได้ถึงความเสี่ยงด้าน ESG ที่แตกต่างกันไป (ประเมิน ความเสี่ยงด้าน ESG โดย Morningstar Sustainalytics, โดยความเสี่ยงยิ่งต่ำยิ่งดี)
นอกจากนี้ ในเดือน พฤศจิกายน ยังมีกองทุน Thai ESG เปิดใหม่เพิ่มอีกอย่างน้อย 4 กองทุน เพื่อเป็นทางเลือกเพิ่มเติมให้กับนักลงทุน โดยแบ่งเป็น กองหุ้น 2 กอง - Bualuang Equity Thailand ESG Fund, และ SCB Thai Sustainable Dividend Equity Fund กองตราสารหนี้ 1กอง - MFC Sovereign Instruments Thailand ESG Fund และ กองผสม 1กอง - Bualuang Mixed Thailand ESG Fund
นักลงทุนสามารถหาข้อมูลผลตอบแทนเพิ่มเติมสำหรับกองทุน Thai ESG ได้ที่ https://bit.ly/4hzx9hS