ลงทุนอย่างไรในช่วงตลาดหุ้นปรับฐาน

การ Rotation ในตลาดหุ้น คือการเคลื่อนย้ายเงินทุนจากอุตสาหกรรมหนึ่งที่เคยโดดเด่นไปยังอีกอุตสาหกรรมหนึ่งที่เริ่มมีความน่าสนใจมากกว่า 

Morningstar 14/08/2567
Facebook Twitter LinkedIn

การ Rotation ในตลาดหุ้น คือการเคลื่อนย้ายเงินทุนจากอุตสาหกรรมหนึ่งที่เคยโดดเด่นไปยังอีกอุตสาหกรรมหนึ่งที่เริ่มมีความน่าสนใจมากกว่า คำถามคือในตอนนี้นั้นอะไรคืออุตสาหกรรมที่น่าสนใจและควรจะจัดสถานะการลงทุนนี้อย่างไรดี

ในช่วงที่ผ่านมานั้นตลาดถูกนำขึ้นโดยหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่จากกระแสของ AI ที่กำลังมาแรง แต่ล่าสุดจากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยและการไหลกลับของเงินเยนไปยังสินทรัพย์อื่นก็ทำให้เกิดแรงเทขายอย่างหนักในตลาดหุ้นสหรัฐในช่วงที่ผ่านมา และแม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันยังคงเพิ่มขึ้นสุทธิ 11% ในปีนี้แต่ก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่าในปีนี้นักลงทุนจะยังได้ผลตอบแทนที่ดีและง่ายเหมือนในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นภาพการลงทุนต่อจากนี้ควรเป็นอย่างไร

ทั้งนี้ Paul Christopher นักกลยุทธ์ที่ Wells Fargo Investment แนะนำให้ลงทุนในบริษัทที่มีคุณภาพที่ดี มีงบการเงินที่แข็งแกร่ง หนี้ต่ำ และมีแนวโน้มการเติบโตที่สูงในอนาคต นอกจากนี้ยังแนะนำให้ลงทุนในหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค พลังงาน และอุตสาหกรรม เนื่องจากคาดว่าตลาดหุ้นมีแนวโน้มผันผวนสูงขึ้นในไม่กี่เดือนจากนี้ และหุ้นกลุ่มนี้ก็ยังซื้อขายในระดับที่ต่ำ ส่วนหุ้นขนาดเล็กแม้ที่ผ่านมาราคาจะปรับเพิ่มขึ้นแต่เนื่องจากมีความผันผวนกับภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอสูงทำให้อาจไม่ได้เป็นกลุ่มที่น่าสนใจในรอบนี้

ให้น้ำหนักการลงทุนในกลุ่มที่เป็นโครงสร้างของเศรษฐกิจ

Christopher ยังเชื่อว่าเม็ดเงินลงทุนในการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานจะช่วยสนับสนุนการลงทุนในหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม วัสดุก่อสร้าง และพลังงานอีกด้วย ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้น่าสนใจเหมือนอย่างหุ้น Nvidia หรือ Microsoft แต่ก็นับเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของภาคเศรษฐกิจ โรงงาน และตลาดอสังหาริมทรัพย์ในจีน

เช่นเดียวกันกับนักกลยุทธ์การลงทุนที่ Bank of America ที่เห็นว่าหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานมีความน่าสนใจมากกว่าหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ขณะที่ Michael Clarfeld ผู้จัดการกองทุนที่ ClearBridge Investments ก็ชี้ให้เห็นว่าหุ้นในกลุ่มสาธารณูปโภคมีความน่าสนใจเช่นกัน เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตใน 10 ปีจากนี้จะอยู่สูงกว่าในอดีตที่ผ่านมาจากการใช้พลังงานไฟฟ้าที่มากขึ้นเพื่อทดแทนน้ำมัน การสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับ AI และการพัฒนาโครงข่ายพลังงานไฟฟ้าเพื่อความยั่งยืนในระยะยาว

การลงทุนยังไม่หลุดพ้นไปจาก AI

สำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสการลงทุนในกลุ่มที่เกี่ยวกับ AI ก็อาจลงทุนในหมวดอุตสาหกรรมและพลังงานได้เช่นกัน เนื่องจากบางบริษัทในกลุ่มนี้มีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ AI และ Data center เช่นกัน ทำให้ราคาหุ้นในหมวดนี้ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้นโดย Morningstar US Utilities Index เพิ่มขึ้น 18% ในปีนี้ การลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมและพลังงานจึงเป็นเหมือนการลงทุนในธีม AI ได้เช่นกัน

หุ้นขนาดใหญ่ยังคงน่าสนใจ

แม้ว่าหุ้นที่มีมูลค่าตลาดไม่สูงมากหรือกลุ่ม Small-cap จะมีราคาปรับเพิ่มขึ้นในช่วงที่ราคาหุ้นเทคโนโลยีปรับลงแรงที่ผ่านมา แต่ก็ถือว่าภาพรวมยังเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่แพ้ตลาดหุ้นโดยรวม โดย Morningstar US Small Cap Index ปรับลดลง 3.6% ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เทียบกับ Total Market Index ที่ลดลงเพียง 2.4% และภาพรวมทั้งปี Morningstar US Large Cap Index ก็ยังคงปรับเพิ่มขึ้นชนะตลาดโดยรวม และชนะ Morningstar US Small Cap Index

1

ทั้งนี้หุ้นขนาดเล็กหรือกลุ่ม Small-cap ส่วนใหญ่จะค่อนข้างขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐมาก หากแนวโน้มเศรษฐกิจแย่ก็จะกระทบต่อหุ้นในกลุ่มนี้ไปด้วย ขณะที่หุ้นขนาดใหญ่มักมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแรงกว่า อย่างไรก็ดีหุ้นขนาดเล็กก็ยังมีราคาซื้อขายที่อยู่ในระดับต่ำและน่าสนใจเมื่อเทียบกับมูลค่าที่แท้จริง หาก Fed ลดอัตราดอกเบี้ยหุ้นขนาดเล็กก็จะมีแนวโน้มของราคาที่ปรับเพิ่มขึ้นได้มากกว่าในระยะยาว

เตรียมพร้อมสำหรับความผันผวน

ในช่วงที่ตลาดเกิดการไหลเข้าออกของเงินทุนมักเป็นช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง ซึ่งจากสถิติในอดีตพบว่าตลาดหุ้นช่วงเดือนกันยายนและตุลาคมมักให้ผลตอบแทนที่ไม่ดีมาก ซึ่งยังไม่รวมถึงความผันผวนในช่วงการเลือกตั้งสหรัฐในเดือนพฤศจิกายน อย่างไรก็ดีจังหวะที่ตลาดปรับฐานลงนั้นถือเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าลงทุนสำหรับนักลงทุนระยะยาว เนื่องจากเชื่อว่ายังไม่ใช่จังหวะที่นับได้ว่าตลาดหุ้นอยู่ในระดับต่ำสุดแล้ว

หุ้นเทคโนโลยี

ข้อดีของตลาดหุ้นที่ปรับลดลงในรอบนี้คือการที่ราคาหุ้นของบริษัทที่เคยแพงกลับมาซื้อขายในระดับที่ต่ำลงและน่าสนใจมากขึ้น อย่างเช่นหุ้นในกลุ่ม Magnificent Seven ได้แก่ Nvidia, Tesla, Meta Platforms, Apple, Amazon.com, Microsoft, and Alphabet  โดยที่ Solita Marcelli หัวหน้าส่วนงานลงทุนที่ UBS Global Wealth Management ยังคงให้น้ำหนักการลงทุนในบริษัทที่มีงบการเงินที่แข็งแกร่งและที่ผ่านมามีการเติบโตของกำไรที่ดี ด้าน Eric Compton หัวหน้าส่วนงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ที่ Morningstar ชี้ว่าทั้ง Amazon และ Microsoft ปัจจุบันราคาลงมาซื้อขายในระดับที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงและมีความน่าสนใจแล้ว แม้ว่าโดยรวมหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีจะยังไม่ถือว่าถูกมากๆก็ตาม

กำไรของบริษัทคือสิ่งที่นักลงทุนควรให้ความสำคัญ

โดยรวมแล้ว Paul Christopher นักกลยุทธ์ที่ Wells Fargo Investment ยังคงแนะนำให้นักลงทุนเน้นลงทุนในบริษัทที่มีคุณภาพที่ดี ในช่วงที่ตลาดเป็นขาลงหุ้นที่มีคุณภาพดีราคาน่าจะปรับลดลงน้อยกว่าตลาด และถือเป็นจังหวะที่ดีในการซื้อลงทุนเพิ่มขึ้นในช่วงที่ราคาต่ำลงมามากๆเพื่อรอจังหวะในช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัว

Facebook Twitter LinkedIn

About Author

Morningstar  Morningstar