ภาพเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่เริ่มชะลอลง ตำแหน่งงานที่เปิดรับสมัครมากขึ้น การใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ลดลงและความต้องการการกู้ยืมที่มากขึ้น สัญญาณเหล่านี้อาจทำให้ดูน่ากังวล แต่ในมุมมองของนักวิเคราะห์เชื่อว่าเศรษฐกิจกำลังเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ถูกต้องแล้วและทำให้ธนาคารกลางสหรัฐมีความมั่นใจในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้ ซึ่งนับเป็นการสิ้นสุดการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดลง ทั้งนี้การปรัดลดอัตราดอกเบี้ยทำให้ต้นทุนการกู้ยืมนั้นต่ำลงและเป็นสิ่งที่ดีให้แก่ทั้งในมุมของตลาดหุ้นและการบริโภค อย่างไรก็ดีคำถามคือภาพเศรษฐกิจนี้เป็นเพียงการเติบโตที่ชะลอลงหรือกำลังจะกลายเป็นเศรษฐกิจที่ถดถอยในอนาคต
ทำไมเศรษฐกิจที่ชะลอตัวคือข่าวดี
การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ร้อนแรงเกินไปนั้นไม่ค่อยดีทั้งกับตลาดการเงินและผู้บริโภค ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแม้ว่าเศรษฐกิจจะเติบโตดีแต่กำไรของภาคธุรกิจแทบไม่โต เนื่องจากในช่วงที่เกิดโควิดนั้นทำให้ระบบ Supply chain มีปัญหาและขาดแคลนแรงงานจนกระทบต่ออัตราการทำกำไรของธุรกิจ ผู้บริโภคก็ถูกกระทบและนำไปสู่เงินเฟ้อที่รุนแรง
การบริโภคที่ชะลอตัวและผลต่อเศรษฐกิจ
นักเศรษฐศาสตร์ที่ UBS Global Wealth Management ระบุว่าเศรษฐกิจที่ชะลอลงทำให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่ายลง เงินออมที่มีก็ลดน้อยลง และนั่นเป็นสัญญาณของความตึงเครียดทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะในครัวเรือนที่มีรายได้น้อย ทั้งนี้การใช้จ่ายของผู้บริโภคคิดเป็นสัดส่วนถึง 70% ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐ การชะลอตัวดังกล่าวจึงเป็นสิ่งที่ทำให้ภาพเศรษฐกิจถูกกระทบ โดย GDPสหรัฐเติบโตลดลงจาก 4.9% ในไตรมาสที่ 3 ของปีที่แล้วเหลือ 1.4% ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเติบโตเข้าใกล้ 2% ได้ในไตรมาสที่ 2 นี้ ทั้งนี้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่ำนี้ช่วยลดแรงกดดันต่อเงินเฟ้อลงได้ซึ่งเป็นสิ่งที่ Fed นั้นต้องการ
อย่างไรก็ดีการชะลอตัวที่เห็นนั้นอาจไม่ได้เป็นปัญหากับเศรษฐกิจมากนัก เนื่องจากการบริโภคที่อ่อนแอนั้นยังจํากัดอยู่เฉพาะกลุ่มผู้บริโภคที่มีรายได้ต่ำถึงปานกลางและเริ่มต่อรองราคาในการซื้อสินค้ามากกว่าการชะลอตัวของการใช้จ่ายทั้งหมด นอกจากนี้ความมั่งคั่งของครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์ การว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำ และรายได้หลังหักภาษียังคงเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณที่เศรษฐกิจยังโตในระดับปานกลางได้ต่อเนื่อง
ตลาดแรงงานที่ชะลอตัว
ภาพตลาดแรงงานแม้ว่าจะชะลอลงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาแต่โดยรวมยังคงแข็งแกร่ง ตำแหน่งงานเปิดใหม่ปรับลดลงเหลือ 8 ล้านตำแหน่งในเดือนพฤษภาคมปีนี้จาก 12 ล้านตำแหน่งในเดือนมีนาคม และอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นจากระดับต่ำที่ 3.4% ในเดือนธันวาคมปี 2022 เป็น 4.1% ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ประธาน Fed หรือคุณ Jerome Powell ได้พูดถึงตลาดแรงงานว่าสถานการณ์ของตลาดแรงงานในตอนนี้ยังคงแข็งแกร่งแต่ก็ไม่ได้อยู่ในระดับที่ร้อนแรงจนเกินไป ส่วนอัตราการว่างงานแม้ว่าจะสูงกว่าในรอบ 2 ปีแต่ก็ยังต่ำกว่าภาพในอดีต เศรษฐกิจปัจจุบันยังก่อให้เกิดการจ้างงาน ส่วนค่าจ้างแรงงานที่ชะลอลงช่วยทำให้เงินเฟ้อผ่อนคลายลงเช่นกัน
ความเสี่ยงในอนาคต
นักวิเคราะห์จาก Bank of America และ Wells Fargo Investment Institute เชื่อว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงเท่านั้น แต่ก็มีโอกาสที่เศรษฐกิจจะอ่อนตัวลงจนเกิดภาวะถดถอยได้ในอนาคต โดยเฉพาะเมื่อตลาดแรงงานอ่อนแอลงจนกระทั่งเกิดการลดการจ้างงานและอัตราการว่างงานเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วซึ่งนำไปสู่ความเสี่ยงของเศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรงได้ และนี่อาจเป็นสิ่งที่ Fed ไม่อยากให้เกิดขึ้นจากการที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูงนานจนเกินไปจนกระทบการจ้างงานและเศรษฐกิจได้
นอกจากนี้ยังมีอีกสัญญาณที่ต้องระวังคืออัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ปรับเพิ่มขึ้นมาก อาจนำไปสู่การใช้จ่ายที่ปรับลดลงและก่อให้เกิดการจ้างงานที่ชะลอลง ซึ่งนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้