การเติบโตของ AI ขณะที่การใช้จ่ายผู้บริโภ

ตลาดหุ้นจะเป็นอย่างไรภายใต้การเติบโตของ AI ขณะที่การใช้จ่ายผู้บริโภคชะลอลง

Morningstar 04/06/2567
Facebook Twitter LinkedIn

หลังจาก Nvidia ประกาศงบไตรมาสแรกของปีนี้ออกมาค่อนข้างดีก็ส่งผลทำให้ราคาหุ้น Nvidia ปรับเพิ่มขึ้นและเป็นผู้นำมูลค่าตลาดของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี อย่างไรก็ดี Bryant VanCronkhite ผู้จัดการกองทุน Allspring Global Investments ได้ชี้ให้เห็นถึงความอ่อนแอของตลาดหุ้นหลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจหลายส่วนแสดงถึงความอ่อนแอของกำลังซื้อผู้บริโภค ซึ่งอาจทำให้ตลาดหุ้นที่กำลังจะกลายเป็นขาขึ้นนั้นเกิดความผันผวนขึ้นได้ แม้ว่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีกำลังเป็นที่น่าสนใจมากในตอนนี้แต่ก็ไม่สามารถที่จะทำให้นักลงทุนมองข้ามความอ่อนแอในส่วนอื่นๆของตลาดโดยเฉพาะภาคการบริโภคได้

ผู้บริโภคส่งสัญญาณถึงความอ่อนแอ

กำลังซื้อที่ชะลอลงยังคงมีต่อเนื่องทั้งจากผู้บริโภคระดับกลางถึงล่าง ขณะที่ปัจจุบันผู้ประกอบการก็เริ่มเห็นการบริโภคที่ชะลอลงในกลุ่มลูกค้าระดับบนจากไตรมาสก่อนหน้าที่ยังไม่เห็นสัญญาณชะลอตัวเช่นกัน ทั้งนี้ Dave Sekera หัวหน้ากลยุทธ์การลงทุนในตลาดสหรัฐของ Morningstar ระบุว่ายอดขายของ Starbucks ที่ลดลงและผลประกอบการที่แย่ลงของ McDonald คือหลักฐานที่ชี้ชัดถึงการบริโภคที่อ่อนแอ ผู้บริโภคเริ่มประหยัดการใช้จ่ายมากขึ้น โดยเฉพาะชนชั้นกลางที่เริ่มเห็นผลกระทบของเงินเฟ้อที่สูงต่อเนื่องยาวนาน ด้านยอดขายที่ดีขึ้นในไตรมาสแรกของ Walmart เป็นการสะท้อนถึงความต้องการซื้อสินค้าราคาถูกที่มากขึ้น ขณะที่ยอดขายในกลุ่มสินค้าแต่งบ้านและโรงแรมอ่อนแอลงตามแรงซื้อของผู้บริโภคที่ลดการใช้จ่ายในสินค้าฟุ่มเฟือย ส่งผลให้ Morningstar US Consumer Defensive Index ปรับเพิ่มขึ้น 8.8%ในปีนี้ ส่วน Morningstar US Consumer Cyclical Index ลดลง 1.3%

1

ความอ่อนแอในภาคการบริโภคมีผลต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหรือไม่

ความจริงแล้วรายได้ส่วนใหญ่ของหุ้นเทคโนโลยีอย่างเช่น Amazon, Meta Platforms, Alphabet และ Microsoft มาจากส่วนงาน Digital advertising เป็นหลัก ไม่ใช่ส่วนที่เป็น AI ทำให้ตราบใดที่ผู้บริโภคยังคงใช้จ่ายสินค้า ส่วนงานโฆษณาของหุ้นเหล่านี้ก็ยังคงมีกำไร แต่แนวโน้มการใช้จ่ายที่ลดลงของผู้บริโภคก็อาจบั่นทอนการเติบโตของหุ้นเทคโนโลยีเหล่านี้ได้เช่นกัน โดยแนวโน้มการโฆษณาผ่านสื่อดิจิตอลจะลดลงเมื่อเศรษฐกิจเริ่มอ่อนแอและการใช้จ่ายผู้บริโภคน่าจะชะลอลงในครึ่งหลังของปีนี้และนำไปสู่แรงกดดันในระยะสั้นได้ แต่แนวโน้มเม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อดิจิตอลก็ยังคงเป็นที่นิยมมากกว่าสื่อโฆษณาปกติอื่นๆทำให้ผลกระทบอาจยังจำกัด

หุ้นที่น่าลงทุนในยามที่การบริโภคอ่อนแอ

ช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังให้ผลตอบแทนที่สูงแม้ว่าจะมีราคาซื้อขายที่สูงมากโดยเปรียบเทียบก็ตาม อย่างไรก็ดี นักลงทุนควรให้ความสำคัญต่อภาคการใช้จ่ายที่ชะลอลงของผู้บริโภคและให้น้ำหนักลงทุนที่มากขึ้นในกลุ่ม Consumer staples รวมถึงให้น้ำหนักลงทุนที่น้อยกว่าตลาดในกลุ่ม Discretionary ยกตัวอย่างเช่นการลงทุนในหุ้น Walmart เนื่องจากผู้บริโภคกลุ่มบนเริ่มมีความต้องการซื้อสินค้าที่มีราคาคุ้มค่าที่มากขึ้น ขณะที่หุ้นอย่าง Kraft Heinz และ Clorox ก็มีความน่าสนใจเช่นกันจากมูลค่าหุ้นที่ยังอยู่ในระดับต่ำ (Undervalue) ทั้งนี้ นักลงทุนควรให้ความสำคัญกับบริษัทที่สร้างยอดขายเติบโตได้โดยที่มีอำนาจในการต่อรองราคา ให้ความสำคัญกับการวิจัยพัฒนาและการทำการตลาดเพื่อความสำเร็จในระยะยาว หรือเป็นบริษัทที่มีความมั่นคงทั้งจากความต้องการของลูกค้าที่สูงและมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้หุ้นในกลุ่มพลังงานก็นับว่าน่าสนใจเช่นกันเนื่องจากเป็นการลงทุนที่ช่วยลดความเสี่ยงทางการเมืองและเงินเฟ้อได้

ภาคการบริโภคที่ค่อนข้างแข็งแกร่งในช่วง 6-9 เดือนที่ผ่านมาทำให้เศรษฐกิจเติบโตแข็งแกร่งไปพร้อมตลาดหุ้นได้ แต่หากภาคการบริโภคอ่อนแอตลาดหุ้นจะยืนต่อได้หรือไม่ แม้ Theme AI จะให้ผลตอบแทนที่สูงแต่อาจไม่มากพอที่จะช่วยพยุงตลาดหุ้นภาพรวมให้ขึ้นได้ต่อ

Facebook Twitter LinkedIn

About Author

Morningstar  Morningstar