หลังจากที่ต้องผิดหวังมาหลายไตรมาสกับตลาดหุ้นจีน นักลงทุนเริ่มมองหาโอกาสสำหรับตลาดใหม่ในการลงทุน โดยขณะที่ตลาดญี่ปุ่นเป็นตลาดที่นักลงทุนสถาบันให้ความสนใจอย่างมาก อินเดียก็เป็นอีกตลาดที่อยู่ในความสนใจเช่นกัน โดยผลตอบแทนที่โดดเด่นในไตรมาสที่ 2 นี้ ทำให้ตลาดอินเดียทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง โดยผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันยังสูงถึง 8% เทียบกับจีนที่ยังติดลบอยู่ -5% (อ้างอิง Morningstar China Index)
ทำไมหุ้นอินเดียถึงปรับตัวเพิ่มขึ้น
Ramanand Kothari นักวิเคราะห์วอาวุโสของ Morningstar กล่าวว่า "ความเชื่อมั่นของนักลงทุนทำให้ตลาดทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนกรกฎาคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มหุ้นขนาดกลางและเล็ก" อินเดียยังคงเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจเติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาค และตลาดทุนก็ได้รับกระแสเงินไหลเข้าอย่างแข็งแกร่งจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ปัจจัยอื่นๆ ที่ผลักดันให้ผลประกอบการแข็งแกร่ง ได้แก่ ผลประกอบการของบริษัทที่ดี และอัตราเงินเฟ้อที่ลดลง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ทำให้นักลงทุนเห็นศักยภาพการเติบโตในระยะยาวของอินเดีย
ในช่วงที่ผ่านมา ตลาดหุ้นอินเดียกลับมาอ่อนตัวลง และถอยกลับไปสู่ระดับปกติมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ตลาดพอจะคาดได้อยู่แล้ว ทั้งนี้ในบางส่วนของอุตสาหกรรม เช่น รถยนต์ และอสังหาริมทรัพย์ ทำผลตอบแทนได้ดีมากโดยมีปัจจัยหนุนมาจากต้นทุนการผลิตที่ลดลงเมื่ออัตราเงินเฟ้อลดลง ซึ่งอาจจะเปลี่ยนแปลงในทิศทางตรงกันข้ามเมื่อราคาน้ำมันสูงขึ้นและตัวเลขเงินเฟ้อปรับตัวเพิ่มขึ้น” เขากล่าวเสริม
ผู้จัดการกองทุนอินเดียซื้อหุ้นอะไรกันบ้าง
หุ้นกลุ่มธุรกิจการเงินที่มีคุณภาพดี เช่น HDFC Bank ซึ่งมีข่าวเรื่องการควบรวมกิจการกับสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร HDFC Corp, ICICI Bank และ Kotak Mahindra Bank , หุ้นกลุ่มการบริโภคเนื่องจากฐานผู้บริโภคขนาดใหญ่ของประเทศและกำลังซื้อที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในทางกลับกัน เริ่มมีการลดน้ำหนักการลงทุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอในตลาดสำคัญๆ เช่น สหรัฐอเมริกาและยุโรป
อย่างไรก็ดี ความผันผวนในตลาดภายในประเทศอาจเกิดขึ้นได้ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยในตลาดที่พัฒนาแล้วยังคงมีอยู่ อีกทั้งจะเห็นความผันผวนมากขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 จากการเลือกตั้งทั่วไปครั้งต่อไปในประเทศ
กองทุนหุ้นอินเดียในประเทศไทย
ปัจจุบันมีกองทุนหุ้นอินเดียทั้งหมด 29 กอง คิดเป็นมูลค่าทรัพย์สินสุทธิทั้งสิ้นเกือบ 8 พันล้านบาท โดยมีเงินไหลออกอย่างต่อเนื่องตลอด 5 เดือนแรกของปี เกือบ -330 ล้านบาท แต่ตั้งแต่เดือนมิถุนายนจนถึงปัจจุบันกลับเริ่มมีเงินไหลเข้า รวมทั้งสิ้นกว่า 175 ล้านบาท มีผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ YTD +5.92%
โดย 3 บลจ. แรกที่ครองส่วนแบ่งตลาดเกือบ 70% ได้แก่ บลจ. บัวหลวง 34% บลจ. กสิกรไทย 25% และ บลจ. ไทยพาณิชย์ 10%
5 อันดับกองทุนหุ้นอินเดียที่มีขนาดทรัพย์สินสุทธิมากที่สุด
5 อันดับกองทุนหุ้นอินเดียที่มีผลตอบแทน YTD สูงสุด
ที่มา: Morningstar Direct ข้อมูล ณ วันที่ 17/8/2023
หมายเหตู: ผลตอบแทน 3Y เป็นผลตอบแทนต่อปี, กองทุน Tisco India Active Equity A เป็นกองทุนที่ลงทุนใน Fund of Funds
นักลงทุนสามารถหาข้อมูลกองทุนเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุนได้ที่ https://bit.ly/47T2APE