เรามาทำความรู้จักกองทุนนี้ผ่านบทสัมภาษณ์กันเลยค่ะ
ท่านมีการวางกลยุทธ์การลงทุนอย่างไรท่ามกลางภาวะตลาดผันผวนในปี 2022 ที่ส่งผลต่อความสำเร็จต่อเนื่องเป็นปีที่ 2
ในช่วงต้นปี 2022 กองทุนมีค่าอายุเฉลี่ยของตราสารหนี้ (Duration) ต่ำกว่าระดับปกติเนื่องจาก
เราเชื่อว่าราคาตลาดขณะนั้นยังไม่ได้สะท้อนแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายมากเพียงพอ ส่งผลให้กองทุนมีผลตอบแทนที่ลดลงน้อยกว่าคู่แข่งในช่วงที่ตลาดตราสารหนี้ไทยมีผลตอบแทนติดลบอย่างหนัก
ในช่วงปลายไตรมาส 1 ของปี 2022
ระหว่างไตรมาสที่ 2 ของปี 2022 ตลาดตราสารหนี้ยังคงมีแรงเทขายอย่างต่อเนื่องจากความตื่นตระหนกของนักลงทุนซึ่งเป็นผลมาจากอัตราดอกเบี้ยของตราสารหนี้โดยรวมปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้สภาพคล่อง
ในตลาดลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำ โดยตราสารหนี้รัฐบาลไทยระยะยาวมี Implied Forward Rate สูงที่สุด
นับตั้งแต่ปี 2009 ซึ่งเราเห็นว่าราคาตลาดในขณะนั้นมีส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัย (Margin of Safety) เพียงพอ เราจึงทยอยเข้าลงทุนอย่างมีวินัยและได้ปรับ Duration ของกองทุนให้สูงกว่าระดับปกติ
หลังจากนั้นไม่นาน สภาพตลาดกลับพลิกผันอย่างรวดเร็ว กลายเป็นมีแรงซื้อมากกว่าขาย ส่งผลให้
ในช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 2022 อัตราดอกเบี้ยระยะยาวของตราสารหนี้ไทยปรับตัวลงกว่า 100 bps ซึ่งทำให้
Margin of Safety ลดลง เราจึงปรับ Duration ให้กลับมาที่ระดับปกติ อัตราดอกเบี้ยของตลาดยังคงปรับตัวลดลงในช่วงครึ่งปีหลัง เราได้ปรับลด Duration ให้กลับมาที่ระดับปกติอีกครั้ง นอกจากนี้ เราได้ปรับลดสัดส่วน
การถือครองพันธบัตรรัฐบาลไทย โดยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาแทน เพื่อลดความเสี่ยง
ในช่วงที่เงินทุนต่างชาติไหลเข้ามาตลาดในไทยและทำให้อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้เริ่มต่ำกว่าระดับที่เหมาะสม
ท่านคิดว่าอะไรคือจุดแข็งของทีมงานที่ส่งผลให้กองทุนนี้ประสบความสำเร็จ
- ความมีวินัย: แนวทางในการลงทุนของเราตั้งอยู่บนหลักการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
(Value Investing) ในสินทรัพย์ที่มีมูลค่าต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน ที่ให้ความสำคัญกับ
การสร้างผลตอบแทนในระยะยาวโดยบริหารความเสี่ยงในระยะสั้นภายใต้กรอบความเสี่ยง
ที่ได้รับการจัดสรร (Risk Budget) แม้ว่าตลาดในปี 2022 จะมีความผันผวนระยะสั้นจาก
ความกลัวและความโลภของนักลงทุน แต่ด้วยหลักการลงทุนที่ชัดเจนและวินัยที่ดี
ทำให้กองทุนผ่านช่วงเวลาที่ตลาดมีความผันผวนนี้และสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มได้ - ความถ่อมตัว: การคาดการณ์สถานการณ์ปัจจุบันให้ถูกต้องเป็นเรื่องที่ทำได้ยากอยู่แล้ว
การคาดการณ์อนาคตยิ่งเป็นเรื่องที่ยากยิ่งขึ้นไปอีก ดังนั้น เราต้องพร้อมที่จะยอมรับข้อผิดพลาด เรียนรู้จากสิ่งที่เกิดขึ้น และปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปได้
เราเชื่อว่าการประเมินมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้อย่างถูกต้องแม่นยำเสมอไป การประเมินมูลค่ายุติธรรมอย่างถูกต้องแม้จะไม่ทั้งหมดมีแนวโน้มที่จะให้ผลลัพธ์ในระยะยาว
ที่ดีกว่าการประเมินที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้น เราจึงยึดหลักการ Margin of Safety เป็นเครื่องมือ
ช่วยตัดสินใจการลงทุนที่สำคัญที่สุดตลอดมา - การบริหารต้นทุน: เราตระหนักอยู่เสมอว่าในทุกรายการซื้อขายหลักทรัพย์ของกองทุน
มีต้นทุนทางการเงินแฝงอยู่ และการทำธุรกรรมซื้อขายที่มากเกินไป ส่งผลเสียต่อผลตอบแทนของกองทุน นอกจากนี้ การบริหารต้นทุนค่าเสียโอกาสจากการถือเงินสดไว้โดยไม่ลงทุน
(Cash Drag) เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เราให้ความสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายปรับตัวเป็นขาขึ้นซึ่งทำให้ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนระหว่างการถือเงินสดกับ
ตราสารหนี้รัฐบาลระยะสั้นกว้างขึ้น ดังนั้น การปรับปรุงกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขาย
ตราสารและการบริหารต้นทุนให้เหมาะสม ช่วยทำให้เราสามารถสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มให้กับกองทุนได้ - การทำงานเป็นทีม: ทีมผู้จัดการกองทุนและทีมนักวิเคราะห์ภายในบริษัทมีการประชุมร่วมกันอย่างสม่ำเสมอ เพื่อพิจารณาความเห็นอย่างรอบด้านและพยายามหลีกเลี่ยงการตัดสินใจ
อย่างคล้อยตามกัน วิธีการนี้ยังเป็นการช่วยลดความเสี่ยงด้านบุคลากรสำคัญอีกด้วย
ท่านมีมุมมองต่อการปรับอัตราดอกเบี้ยในปีนี้อย่างไร และจะส่งผลต่อการลงทุนของกองทุนนี้อย่างไรบ้าง
สำหรับพันธบัตรรัฐบาลไทย เรายังคงระมัดระวังในการเข้าลงทุนที่ระดับราคาตลาดปัจจุบัน เนื่องจาก กนง.
มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายมากกว่าที่ตลาดคาด อีกทั้งกระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้ามาในตลาดยังคงทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น โดยเรามองว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะคงอยู่เพียงชั่วคราวเท่านั้น และสำหรับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลทั่วโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯ
เราคิดว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นจากปัจจุบัน เนื่องจากตลาดคาดการณ์แนวทางการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในแง่ดีเกินไปโดยคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงภายในปีนี้ ซึ่งแตกต่างจากมุมมองของเราว่ามีโอกาสที่จะคงอัตราดอกเบี้ยตลอดทั้งปี
สำหรับตราสารหนี้ภาคเอกชนไทย เรายังคงให้น้ำหนักการลงทุนอยู่ในระดับปกติและระมัดระวังการลงทุนใน
ผู้ออกตราสารหนี้ภาคเอกชนมาโดยตลอด ซึ่งส่วนต่างอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นจากพันธบัตรรัฐบาล (Credit Spreads) ได้ปรับตัวแคบลงในช่วงที่ผ่านมาเนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย
มีแนวโน้มที่จะแข็งแกร่งขึ้นในปีนี้จากภาคการท่องเที่ยว รวมถึงอุปสงค์จากนักลงทุนบางกลุ่มที่ยังคงลงทุนใน
ตราสารหนี้ภาคเอกชนตามเป้าหมายผลตอบแทนรวมเป็นหลัก อย่างไรก็ดี เนื่องจากการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจ
มีความไม่แน่นอนสูง การคัดเลือกและลงทุนในผู้ออกตราสารที่มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และสามารถรับมือกับทุกสภาวะเศรษฐกิจได้ จึงเป็นสิ่งสำคัญ
ท่านมีแนวทางในการพัฒนาจุดแข็งของทีมงานหรือกระบวนการคัดเลือกตราสารลงทุนให้ดียิ่งขึ้นอย่างไรในอนาคต
ทีมการลงทุนมีความเชื่อว่าการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญในเส้นทางอาชีพการลงทุน เราสนับสนุน
และส่งเสริมให้ทีมงานแสวงหาความรู้ ด้วยความเชื่อที่ว่าการมีมุมมองที่ความหลากหลายจะนำมาซึ่ง
การเสริมสร้างความคิดใหม่ ๆ รวมถึงส่งเสริมให้มีอภิปรายถกเถียงกันในทีมอย่างมีประสิทธิภาพ ทีมงานของเรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาตนเองอยู่เสมอเพื่อปรับตัวให้ทันต่อสภาวะการลงทุนที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา อย่างกรณี
การลงทุนแบบ ESG (ESG Investing) ที่มีความสำคัญเพิ่มขึ้นอย่างมากในโลกของการลงทุน โดยมีการกำหนดกรอบและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่ชัดเจนมากขึ้น เช่น มาตรฐานการจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย (Thailand Taxonomy) และมาตรการ Carbon Border Adjustment Mechanism (CBAM) ของกลุ่มประเทศยุโรป ทั้งนี้ เราเองได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการ ESG ทำหน้าที่ดูแลในทุกประเด็นที่เกี่ยวข้อง ทั้งในด้านกฎเกณฑ์การลงทุนและการกำกับดูแล เราเชื่อว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องติดตามพัฒนาการและทำความเข้าใจผลกระทบของ ESG ต่อการลงทุน เพื่อให้สามารถสร้างผลตอบแทน
ที่ดีกว่าได้ในระยะยาว
ท่านมีคำแนะนำอย่างไรบ้างสำหรับนักลงทุนที่สนใจกองทุนตราสารหนี้ระยะกลาง-ยาว
กองทุน KKP Active Fixed Income (KKP ACT FIXED) เป็นกองทุนที่บริหารแบบเชิงรุก ลงทุนใน
ตราสารหนี้ภาครัฐ ตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์หรือบริษัทเอกชนที่มีฐานะทางการเงินดีและ
สภาพคล่องแข็งแกร่ง ทั้งนี้ กองทุนใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบ Dynamic ทั้งในด้าน Government Duration และ
Credit Spread Duration ผ่านการวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาคแบบ Top-down และวิเคราะห์ตราสารหนี้แบบเข้มข้นบนหลักการการวิเคราะห์แบบ Bottom-up โดยมีเป้าหมาย Portfolio Duration ประมาณ 1-3 ปี
กองทุนเหมาะกับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลางค่อนข้างต่ำที่ต้องการกระจายเงินมาลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ โดยผู้ลงทุนสามารถรับความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาที่สูงกว่ากองทุนรวมตลาดเงิน และสามารถลงทุนได้ในระยะกลางถึงยาว