แม้ตลาดหุ้นสหรัฐจะปรับขึ้นมาแล้วในเดือนมกราคมแต่โดยรวมถือว่าราคาปัจจุบันยังต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง อย่างไรก็ดีด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ยังอ่อนแอและนโยบายการเงินสหรัฐที่ยังเข้มงวด ทำให้โอกาสสร้างผลตอบที่ดีจากตลาดหุ้นยังไม่ได้มาง่ายๆ และแม้ว่าภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ไม่ได้ออกมาแย่มากแต่คาดการณ์ Outlook จากนี้โดยรวมของแต่ละบริษัทกลับไม่ได้ดีมากนัก
ในเดือนมกราคม Morningstar US Market Index เพิ่มขึ้น 6.84% นำโดยกลุ่ม Growth stocks ทำให้ Morningstar US Growth Index เพิ่มขึ้นถึง 10.93% ขณะที่ US Core Index เพิ่มขึ้น 5.79% และ Morningstar US Value Index เพิ่มขึ้น 4.29% หากดูจาก Market cap ของหุ้นแล้วพบว่าหุ้น Small-cap ปรับขึ้นมากที่สุดถึง 10.55% ตามมาด้วย Mid-cap 8.40% และ Large-cap 6.06%
Sectors ที่ปรับขึ้นได้ดีที่สุดในเดือนมกราคม ได้แก่ Consumer cyclicals, Communication services, Technology, Real estate, Financial services (แม้จะปรับขึ้นมาแล้วแต่ยังต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง) ขณะที่กลุ่มที่เคยปรับขึ้นดีในปีที่ผ่านมาแต่กลับแย่ในปีนี้ได้แก่ Healthcare, Utilities และ Consumer defensive ซึ่งในแง่ Valuation ก็นับว่าในปีที่แล้วได้ขึ้นมาจนเกินมูลค่าพื้นฐานเช่นกัน
ทิศทางตลาดหุ้นและแนวทางการลงทุน
แม้ตลาดจะปรับขึ้นมาแล้วแต่ U.S. equity market ยังนับว่า Undervalued โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนระยะยาว ขณะที่การซื้อขายเพื่อทำกำไรในช่วงสั้นๆอาจไม่ได้ง่ายนัก เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจและนโยบายการเงินยังไม่ได้เอื้อต่อตลาดหุ้น ซึ่งในช่วงครึ่งแรกของปีนี้นโยบายการเงินยังคงเข้มงวด โดยคาดว่า Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 25 basis points ในเดือนมีนาคมหลังจากที่เพิ่งจะปรับขึ้นไป 25 basis points ในรอบนี้ ด้านภาพเศรษฐกิจที่ยังคงอ่อนแอและเสี่ยงต่อภาวะถดถอยทำให้บริษัทต่างๆยังมีมุมมองต่อธุรกิจในอนาคตที่ไม่ดีมากนัก ขณะที่ช่วงครึ่งหลังของปีนี้มีแนวโน้มที่ดีขึ้นกว่าช่วงแรกโดยเฉพาะนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นจากเงินเฟ้อที่ชะลอลง
ในแง่ทิศทางการลงทุนสำหรับนักลงทุนระยะยาวเราแนะนำการลงทุนแบบ Barbell portfolio โดยให้น้ำหนักกับหุ้น Value และ Growth stocks ที่ยัง Undervalued รวมถึงหุ้นขนาดเล็กที่ยัง Undervalued เช่นกัน และให้น้ำหนักไม่มากกับหุ้นกลุ่มที่ราคาอยู่ในระดับที่ Fair value แล้ว
หุ้นในกลุ่ม Communications, Media และ Consumer cyclical ถือว่าราคายังต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงอย่างมาก
นอกจากนี้คาดว่าการบริโภคและการใช้จ่ายของผู้บริโภคจะฟื้นคืนกลับไปสู่ระดับปกติช่วงก่อนเกิด Covid ดังนั้นหุ้นที่ได้ประโยชน์หรือเกี่ยวข้องจึงยังเป็นที่น่าสนใจลงทุน โดยเฉพาะภาคบริการ
อีกกลุ่มที่น่าสนใจและยัง Undervalued ได้แก่ Technology sector โดยเฉพาะ Cybersecurity industry เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตสูงในอนาคตจากความต้องการใช้ที่มีมากขึ้น
หุ้นในกลุ่ม Basic materials ที่เกี่ยวข้องกับ Lithium ยังมีแนวโน้มเติบโตที่สูงตามการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้า
สำหรับหุ้นในกลุ่มพลังงานที่ให้ผลตอบแทนกว่า 60% ในปีที่ผ่านมาจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง ทำให้ในปีนี้หุ้นกลุ่มนี้ถือว่ามีราคาตลาดที่ค่อนข้าง Overvalued อย่างมากเนื่องจากในระยะยาวเราคาดว่าระดับราคาน้ำมันจะลงมาอยู่ระดับ $55 ดังนั้นในกลุ่มพลังงานหากจะหาหุ้นที่ยัง Undervalued อาจดูในส่วนของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Pipeline industry
ส่วนหุ้นในกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นได้ดีในปีที่แล้วอย่างเช่นกลุ่ม Consumer defensive, Healthcare และ Utilities ปัจจุบันถือว่าราคาหุ้นได้ขึ้นมาอยู่ในระดับที่ถือว่าเต็มมูลค่าที่แท้จริงแล้ว