ผลประกอบการ Meta ออกมาดีกว่าคาด

สรุปผลประกอบการช่วงที่ผ่านมา

Meta Platforms (META) รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ออกมาดีกว่าคาดแม้จะได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน สถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน และการเติบโตที่ช้าลงของการโฆษณาบนสื่อ digital และส่วนของ ad conversions นั้นเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ช่วยเพิ่มความต้องการใช้งานสื่อโฆษณาและลดผลกระทบจากนโยบายของทาง Apple ในส่วนของผู้ใช้งานยังคงมีการเติบโตทั้งในรายวันและรายเดือน

ทางมอร์นิ่งสตาร์มองว่าความพยายามของผู้บริหารในการลดต้นทุนและเพิ่มการเติบโตของรายได้นั้นถือว่าเป็นที่น่าพอใจ นอกจากนี้ทางบริษัทยังคงมีการซื้อหุ้นคืนในไตรมาสที่ผ่านมา สอดคล้องกับเรตติ้งในด้าน capital allocation หรือการจัดสรรเงินทุนที่ทางมอร์นิ่งสตาร์ให้ไว้ที่ระดับ exemplary ซึ่งเป็นระดับสูงสุด

อย่างไรก็ดีมอร์นิ่งสตาร์ได้ปรับประมาณการของการเติบโตให้ลดลงเล็กน้อย จากผู้ใช้สื่อโฆษณายังอาจจะไม่มั่นใจต่อสภาวะเศรษฐกิจ แต่การปรับตัวเลขนี้ไม่ได้ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อประมาณการ fair value ของหุ้น META ที่ 260 ดอลลาร์ต่อหุ้น ทั้งนี้หุ้นดังกล่าวได้มีการปรับตัวขึ้นมาแล้วแต่ราคาหุ้นตามตลาดคิดเป็น 70% ของ fair value

รายได้ลดลง 4.5%

จากสภาวะทางเศรษฐกิจและอัตราแลกเปลี่ยนส่งผลให้รายได้ไตรมาสที่ 4 ลดลง 4.5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว หากไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนจะทำให้รายได้รวมเพิ่มขึ้น 2% ด้าน user engagement นั้นเป็นที่น่าพอใจจากการใช้งานที่เพิ่มขึ้นในรอบรายวันสูงกว่ารายเดือนในแอพพลิเคชั้น Facebook และแอพอื่นๆ ในเครือข่าย การมี engagement ที่สูงขึ้นทำให้รายได้จาก impression สูงขึ้น 23% จากปีก่อน ซึ่งหักล้างกับค่าโฆษณาโดยเฉลี่ยที่ลดลง 22% จาก supply ที่สูงขึ้นและ demand ที่ยังอ่อนแอ

(หมายเหตุ เนื้อหาในบทความนี้เป็นการแปลเนื้อหาส่วนหนึ่งของบทความในเว็บไซต์ www.morningstar.com)

ข้อมูลทั่วไปของ META

Meta เป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกด้วยจำนวนผู้ใช้รายเดือน 3.7 พันล้านรายในเครือข่ายแอพพลิเคชั่นของบริษัท โดยผู้ใช้งานติดต่อสื่อสารในรูปแบบต่าง ๆ ผ่านแอพพลิเคชั่นเช่น รับส่งข้อความ แชร์ข้อมูลข่าวสาร รูปภาพ และวิดีโอ แอพพลิเคชั่นหลักได้แก่ Facebook, Instagram, Messenger, WhatsApp ซึ่งมีหลากหลาย features ให้ใช้งาน รายได้จากการโฆษณาคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 90% ของรายได้บริษัท ซึ่งมาจากสหรัฐและแคนาดามากกว่า 45% และมากกว่า 20% มาจากทวีปยุโรป