เมื่อคืนนี้เฟดได้ประกาศขึ้นดอกเบี้ยที่ 0.5% ทำให้ดอกเบี้ยนโยบายขึ้นมาอยู่ในช่วง 4.25%-4.5% โดยการปรับที่ระดับนี้เป็นไปตามที่ตลาดคาด
การปรับดอกเบี้ยในครั้งนี้ยังคงเป็นความพยายามที่จะกดเงินเฟ้อที่สูงสุดในรอบหลายสิบปีให้ลดลงให้ได้ ทั้งนี้ประธานธนาคารกลางสหรัฐ Jerome Powell ให้สัญญาณกับตลาดว่าจะคงดอกเบี้ยระดับสูงไว้จนกว่าสามารถเอาชนะเงินเฟ้อที่สูงนี้ได้ ซึ่งถือว่าค่อนข้างต่างไปจากตลาดที่มีความมั่นใจว่า เงินเฟ้อได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว จากที่อัตราเงินเฟ้อต่ำกว่าที่คาดไว้ใน 2 เดือนติดต่อกัน และสามารถหยุดการขึ้นดอกเบี้ยจากนั้นสามารถเริ่มนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายภายในปีหน้า
คำถามต่อจากนี้จะอยู่ที่ว่าเฟดจะปรับดอกเบี้ยไปสูงสุดที่ระดับใด และจะคงดอกเบี้ยไว้นานเพียงใด โดย dot plot ล่าสุดแสดงอัตราดอกเบี้ยไปอยู่ที่ระดับ 5.1% ในเดือนธันวาคมปีหน้า ขึ้นจาก 4.6% จากข้อมูลรอบเดือนกันยายนที่ผ่านมา หรือหมายความว่าอาจมีการปรับดอกเบี้ย 0.25% อีก 3 ครั้งในปี 2023 และไม่มีการลดดอกเบี้ยจนถึงสิ้นปี
แม้ว่าดอกเบี้ยมีแนวโน้มปรับขึ้นแต่ก็ไม่ส่งผลต่อตลาดตราสารหนี้เท่าใดนัก อัตราผลตอบแทนพันธบัตรมักจะเคลื่อนไหวไปกับการคาดการณ์ Fed Fund Rate แต่ปัจจุบันไม่ได้สอดคล้องไปกับคำแถลงของประธานเฟดมากนัก โดยอัตราเงินเฟ้อที่ออกมารอบล่าสุดเป็นส่วนทำให้บอนด์ยีลด์ลดลงในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมา โดย US Treasury yield ลดลงมาที่ 3.6% จาก 4.3%
เฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยเมื่อไหร่
มอร์นิ่งสตาร์คาดว่าเฟดจะสามารถจัดการกับเงินเฟ้อได้เร็วกว่าที่เฟดคาด จากที่เศรษฐกิจจะเริ่มอ่อนแอลงทำให้เฟดต้องเริ่มลดดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า และต่อเนื่องไปในปี 2024 และลงไปอยู่ที่ราว 1.6% โดยเฉลี่ยทั้งปี 2025
อย่างไรก็ดีการลดลงของบอนด์ยีลด์จะส่งผลต่อการตัดสินใจของเฟด หากบอนด์ยีลด์ลดลงมากเกินไปในระยะสั้นอาจทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวเร็วเกินไป ทำให้เงินเฟ้อจะยังไม่ลดลงมาในระดับปกติ มอร์นิ่งสตาร์มองว่านี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เฟดมีท่าที hawkish และพยายามกล่าวคำแถลงเพื่อให้ตลาดไม่ไปทางผ่อนคลายมากนัก