หุ้น Growth น่าสนใจลงทุนแล้วหรือยัง

หุ้นกลุ่ม Growth stock ในสหรัฐช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่ตุลาคม 2021-กันยายน 2022 ปรับลดลงแรงอย่างมาก โดยกลุ่ม  Small-growth stocks ปรับลดลง 35.7% และ Large-growth ลดลง 39.4% ขณะที่กลุ่ม Value stocks ยังมี Performance ที่ดีกว่าโดยเปรียบเทียบ

Morningstar 05/12/2565
Facebook Twitter LinkedIn

หุ้นกลุ่ม Growth stock ในสหรัฐช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่ตุลาคม 2021-กันยายน 2022 ปรับลดลงแรงอย่างมาก โดยกลุ่ม  Small-growth stocks ปรับลดลง 35.7% และ Large-growth ลดลง 39.4% ขณะที่กลุ่ม Value stocks ยังมี Performance ที่ดีกว่าโดยเปรียบเทียบ

1

แม้ว่าตั้งแต่ต้นปีตลาดหุ้นสหรัฐดูเหมือนว่าจะซื้อขายอยู่ในระดับที่แพงแต่โดยรวมก็ยังมีความน่าสนใจลงทุนโดยเฉพาะในกลุ่มหุ้น Value และ Small-cap ที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจที่ค่อยๆฟื้นตัว อย่างไรก็ตามด้วยอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ Fed ต้องปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายตั้งแต่ช่วงกลางมีนาคมจาก 0.25% ขึ้นมาเป็น 4.00% ในปัจจุบัน และทำให้มีการคาดการณ์ว่าภายใน 12 เดือนหลังจากนี้มีโอกาสถึง 96% ที่สหรัฐจะเกิด  Recession หรือภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ ส่วนในแง่ผลกระทบจากเงินเฟ้อต่อกำไรของภาคธุรกิจนั้นกลับไม่สูงมากเนื่องจากว่ามีการขึ้นราคาสินค้าเพื่อชดเชยผลกระทบดังกล่าว

ผลกระทบจากเงินเฟ้อ

จากกราฟหากดูข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่ปี 1950-2010 เปรียบเทียบระหว่างอัตราเงินเฟ้อกับอัตราการเติบโตกำไรของภาคธุรกิจ จะพบว่าแม้ในปี 1970 ที่อัตราเงินเฟ้อค่อนข้างสูงมาก แต่อัตรากำไรของภาคธุรกิจก็เติบโตได้ดีมากเช่นกัน ขณะที่ปี 2010 อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำขณะที่อัตรากำไรของภาคธุรกิจก็เติบโตได้น้อยเช่นกัน จึงดูเหมือนว่าการมีอัตราเงินเฟ้อจะช่วยให้อัตรากำไรของภาคธุรกิจดีขึ้นนั่นเอง แต่ความสัมพันธ์ดังกล่าวก็อาจไม่ชัดเจนเสมอไปหากดูจากปีอื่นๆที่ผ่านมา

2

นอกจากนี้เงินเฟ้อที่สูงยังส่งผลให้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้นซึ่งจะกระทบต่อการประเมินกำไรในอนาคตของหุ้นกลุ่ม Growth stocks นั้นปรับลดลงได้ (แนวคิดดังกล่าวเกิดจากความเชื่อที่ว่ากลุ่ม Growth stocks เป็นบริษัทที่จะอยู่เติบโตไปได้อีกยาวนานทำให้การประเมินมูลค่าต้องคำนึงกำไรในอนาคตที่จะสร้างได้เป็นหลักดังนั้นจึงถูกกระทบจากการประเมินมูลค่าที่ลดลงได้หากอัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งในความเป็นจริงบริษัทเหล่านี้อาจมีอายุสั้นกว่าที่คาดไว้ก็ได้) อย่างไรก็ดีในช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัวจากช่วงที่เคยถดถอยก็อาจทำให้บางบริษัทนั้นเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวและกลายเป็น Growth stocks ได้

แนวโน้มการลงทุนในปี 2023 มีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อ Growth stocks ได้แก่

  1. ถ้าอัตราเงินเฟ้อได้เพิ่มขึ้นถึงจุดสูงสุดแล้วและเศรษฐกิจไม่ได้แย่อย่างที่คาด Fed มีแนวโน้มชะลอหรือลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้ส่งผลดีต่อตลาดหุ้นโดยเฉพาะกลุ่ม Growth stocks
  2. ถ้าอัตราเงินเฟ้อได้เพิ่มขึ้นถึงจุดสูงสุดแล้ว ขณะที่เศรษฐกิจเกิดภาวะถดถอย ก็คาดว่าจะส่งผลดีต่อกลุ่ม Growth stocks เนื่องจากได้ประโชน์จากการลดดอกเบี้ยเพื่อพยุงเศรษฐกิจและด้วยความที่เป็น Growth companies ทำให้ยังเติบโตได้แข็งแกร่ง
  3. ถ้าอัตราเงินเฟ้อยังไม่ได้เพิ่มขึ้นถึงจุดสูงสุดทำให้ Fed ยังต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง กรณีนี้จะส่งผลทางลบต่อหุ้นกลุ่ม Growth stocks ตามที่กล่าวข้างต้น

Facebook Twitter LinkedIn

About Author

Morningstar