ในปีนี้การลงทุนหุ้น semiconductor เป็นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวลงค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตามข่าวการเข้าซื้อหุ้น Taiwan Semiconductor Manufacturing มูลค่า 4.1 พันล้านดอลลาร์ของ Berkshire Hathaway ทำให้กลุ่มนี้กลับมาได้รับความสนใจ
หากไปดูในแง่ของมูลค่าหุ้น นักวิเคราะห์มอร์นิ่งสตาร์มองว่าเป็นกลุ่มที่หุ้นหลายบริษัทมีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น จากราคาหุ้นกลุ่มนี้ที่ปรับลงในช่วงปีนี้ ประกอบกับแรงกดดันจากทางสหรัฐที่จะห้ามขายชิ้นส่วน semiconductor แก่จีน ซึ่งมีผลให้รายได้ผู้ผลิตชิปต้องได้รับผลกระทบไปด้วย โดยจากหุ้นกลุ่ม semiconductor 24 ตัวที่มีการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน พบว่า 18 ตัวมีราคา undervalue และมีเรตติ้งที่ 4 ถึง 5 ดาว ทั้งนี้มีหุ้น 5 ดาว 3 ตัวซึ่งหมายถึงราคาต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานอย่างมากซึ่งได้แก่ Skyworks Solutions (SWKS), Teradyne (TER), Taiwan Semiconductor Manufacturing (TSM)
สำหรับหุ้น TSM ทางนักวิเคราะห์ได้ปรับลด fair value ลงไปที่ 133 ดอลลาร์ต่อ ADR โดยเกิดจากการปรับลดอุปสงค์ high-performance computing (HPC) ในปี 2023-2024 และจากความต้องการ PC น้อยลงในปี 2023 รวมทั้งผลจากนโยบายสหรัฐในการห้ามขายสินค้าให้ลูกค้าจากประเทศจีน อย่างไรก็ตามในภาพระยะยาวตลาด HPC จะยังไม่เปลี่ยนไปจากเดิม ประกอบกับตัวเลขด้านสินค้าคงคลัง งบค่าใช้จ่ายในการลงทุนที่ลดลง อาจเป็นสัญญาณราคาหุ้นใกล้เคียงจุดต่ำสุด
ด้าน Nvidia ซึ่งเป็นอีกบริษัทผู้ผลิต GPU รายใหญ่ที่เดิมมีรายได้ส่วนใหญ่มาจากอุตสาหกรรมเกม ได้มีการเติบโตในธุรกิจ data center จากการนำ GPU ไปใช้มากขึ้น โดยนักวิเคราะห์คาดว่า Nvidia จะเป็นผู้นำตลาดระบบการสอน deep learning และจะมีการแข่งขันในตลาดนี้มากขึ้น ทั้งนี้บริษัทจะยังมีรายได้จากตลาดเกมเป็นสัดส่วนหลักแต่อาจจะเติบโตเทียบเท่ากับช่วงก่อนได้ยาก มอร์นิ่งสตาร์มองว่านักลงทุนระยะยาวจะเห็นว่าบริษัทมีความน่าสนใจมากขึ้นเนื่องจากตลาด data center จะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจค่อนข้างน้อยแต่ยังต้องระวังสถานการณ์เกี่ยวกับประเทศจีนอยู่
กองทุน Semiconductor ในประเทศไทย
ปัจจุบันมีกองทุน semiconductor จาก 4 บลจ. จำนวน 12 กองทุน (รวมทุกชนิดหน่วยลงทุน) มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 3.2 พันล้านบาท มีเงินไหลออกสุทธิสะสม 10 เดือนรวม 1.9 พันล้านบาท คิดเป็น organic growth -32.7% และจากการปรับตัวลงของราคาหุ้น semiconductor ทำให้ผลตอบแทนกองทุนกลุ่มนี้ติดลบตามไปด้วยเช่นกัน โดยในช่วง 1 ปีมีผลตอบแทนระดับ -30% (ณ 31 ตุลาคม 2022) ใกล้เคียงดัชนี Morningstar Global Semiconductors แต่เมื่อเข้าเดือนพฤศจิกายนกองทุนกลุ่มนี้มีผลตอบแทนปรับตัวขึ้นกว่า 10%
ในด้านความเสี่ยง ESG ที่วัดได้โดย Morningstar Sustainability Rating มีกองทุน SCB Semiconductor ได้เรตติงระดับ 5 globe หรือหมายถึงความเสี่ยงด้านความยั่งยืนที่ต่ำสุดเมื่อเทียบกับกองทุนในกลุ่มเดียวกัน (Global Category) ทั้งนี้เป็นผลมาจากกองทุนปลายทางคือ VanEck Semiconductor ETF (SMH) ลงทุนตามดัชนีที่นำปัจจัยด้าน ESG มาพิจารณาการลงทุน ทำให้มีการลงทุนในหุ้นที่มีความเสี่ยง ESG ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับกองทุนอื่น
การปรับตัวลงกลุ่ม semiconductor ที่ทำให้ valuation หุ้นบางตัวลงมาต่ำกว่าพื้นฐาน และการเข้าถือหุ้น TSM ของ Berkshire Hathaway ทำให้หุ้นกลุ่มนี้เป็นที่สนใจของตลาด นักลงทุนที่สนใจควรคำนึงถึงความเสี่ยงจากการกระจุกตัวในการลงทุนของกองทุนกลุ่มนี้ ประกอบกับสัดส่วนกลุ่มเทคโนโลยีในพอร์ตของตัวเองก่อนตัดสินใจลงทุน รวมทั้งความเสี่ยงจากแนวทางของสหรัฐที่ห้ามการขายชิ้นส่วนแก่จีน ซึ่งอาจส่งผลต่อราคาหุ้นได้บ้างในบางช่วง