ประเด็นเรื่อง Supply chain ที่นักลงทุนควรทราบ

ปัญหา Supply chain ที่หยุดชะงักที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและเงินเฟ้อที่สูงขึ้นนั้นคาดว่าผ่านจุดที่แย่ที่สุดไปแล้ว แต่ผลกระทบของบริษัทต่างๆที่ต้องส่งสินค้าให้กับคู่ค้ายังคงมีอยู่และต้องใช้เวลาในการแก้ไข

Morningstar 07/11/2565
Facebook Twitter LinkedIn

แม้ปัญหา Supply chain ที่หยุดชะงักจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นก็ตาม แต่เชื่อว่าปัญหาดังกล่าวได้ผ่านจุดที่แย่ที่สุดไปแล้ว แต่ผลกระทบของบริษัทต่างๆที่ต้องส่งสินค้าให้กับคู่ค้ายังคงมีอยู่และต้องใช้เวลาในการแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม Semiconductors ที่ยังจัดส่งชิ้นส่วนอุปกรณ์ให้กับกลุ่มยานยนต์และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ล่าช้า หรือการขาดแคลนในกลุ่มสินค้าบรรจุภัณฑ์ และเครื่องนุ่งห่ม

ปัญหา Supply Chain

หลังเกิดการระบาดของ coronavirus ทำให้ภาคเศรษฐกิจต้องหยุดชะงัก ธุรกิจต่างๆต้องปิดตัวลงและให้พนักงานทำงานจากที่บ้านแทน ขณะที่ร้านค้าต่างๆไม่มีสินค้าที่จะจำหน่ายเนื่องจากการขนส่งที่หยุดชะงักทั้งจากท่าเรือและปริมาณเรือขนส่งที่ไม่เพียงพอ โดยธุรกิจยานยนต์ขาดแคลนชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็คโทรนิคส์ในการผลิตรถใหม่และทำให้ราคารถมือสองเพิ่มสูงขึ้นอีกด้วยจากผลของความต้องการซื้อที่มีมาก นอกจากนี้ยังกระทบไปถึงชิ้นส่วนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และวัสดุก่อสร้างอีกด้วย อย่างไรก็ดี Global Supply Chain Pressure Index แสดงให้เห็นถึงแรงกดดันทางด้าน Supply Chain ที่มีแนวโน้มลดลงตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงกันยายน จนไปใกล้ระดับในอดีตแล้ว

1

ปัญหาคอขวดด้าน Logistic ค่อยๆคลี่คลายลง

ปีที่แล้วปัญหาเรื่อง Supply Chain ที่ติดขัดและทำให้เกิดความต้องการขนส่งสินค้าจำนวนมาก ส่งผลให้ธุรกิจเดินเรือและขนส่งเป็นที่ต้องการจากลูกค้าและมีกำไรอย่างมาก โดยราคาค่าขนส่งปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้บริษัทอย่าง Walmart และ Target ทำการเช่าเหมาลําเรือส่วนตัวเพื่อขนส่งสินค้ารองรับความต้องการของลูกค้าในช่วงวันหยุด แต่ในปัจจุบันสถานการณ์คอขวดด้าน Logistic ได้เริ่มคลี่คลายลง โดยผู้ประกอบการขนส่งมีการเพิ่มจำนวนเรือเพื่อขนส่งสินค้ามากขึ้น ประกอบกับการเดินทางทางอากาศที่เริ่มกลับมาทำให้มีพื้นที่ในการขนส่งสินค้าทางอากาศเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ส่งผลให้ค่าระวางเรือเริ่มปรับลดลง อย่างไรก็ดีความล่าช้าในการขนส่งยังคงมีและยังไม่กลับไปสู่ภาวะปกติเหมือนช่วงก่อนเกิดโควิด 19

2

ปัญหา Semiconductor

Semiconductor ที่ขาดแคลนในปัจจุบันส่วนมากจะอยู่ในกลุ่มที่เรียกว่า “Lagging-edge chips” ซึ่งมักถูกใช้ในอุตสาหกรรม Smartphones และ Network technologies ทำให้ผู้ผลิตเน้นการผลิตเพื่อรองรับความต้องการดังกล่าว และทำให้ชิ้นส่วนอุปกรณ์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ยังขาดแคลนต่อเนื่อง แต่ในปี 2023 เชื่อว่าความต้องการในส่วนของ PCs และ Smartphones จะลดลง ทำให้ผู้ผลิต Semiconductor มีกำลังการผลิตเหลือเพื่อไปรองรับกลุ่มยานยนต์มากขึ้น

ปัญหาการขาดแคลนยานยนต์

แม้ปัญหา Supply Chain จะดีขึ้นก็ตาม แต่การขาดแคลนชิ้นส่วนยังคงมีอยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ไปจนกระทั่งอย่างน้อยถึงครึ่งแรกของปีหน้า โดยระดับสินค้าคงคลังได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้วจากที่เคยมีอยู่ต่ำกว่า 1 ล้านคันในเดือนกันยายน 2021 จนปัจจุบันเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.2 ล้านคัน แต่ยังต่ำกว่าช่วงก่อนโควิดที่มีสินค้าคงคลังสูงกว่า 4 ล้านคัน และภายใต้ Supply ยานยนต์ที่ยังคงมีจำกัดทำให้ส่งผลดีต่อยอดขายของผู้ผลิตรถยนต์ที่ยังโตได้สูง เนื่องจากแนวโน้มความต้องการซื้อเริ่มโตลดลงเช่นกันจากแนวโน้มที่เศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยนั่นเอง

การขาดแคลนบรรจุภัณฑ์ในธุรกิจอาหาร

ปัญหา Supply Chain ยังคงส่งผลกระทบต่อสินค้าบรรจุภัณฑ์ในธุรกิจอาหาร ทำให้บริษัทอาหารต่างๆไม่สามารถขายสินค้าได้เนื่องจากไม่มีบรรจุภัณฑ์มาใส่อาหาร ขณะที่ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ก็ไม่สามารถขยายกำลังการผลิตได้เช่นกัน เนื่องจากไม่มีเครื่องจักรซึ่งเป็นผลจากการขาดแคลนในธุรกิจ Semiconductor

ผลกระทบต่อธุรกิจค้าปลีก

หลังจากผู้ประกอบการร้านค้าปลีกอย่างเช่น Walmart และ Target ได้เร่งเพิ่มปริมาณสินค้าเพื่อขาย ปรากฏว่าความต้องการสินค้ากลับลดลง ส่งผลให้ร้านค้าไม่สามารถระบายสินค้าออกได้หมดและทำให้ต้องมีการลดราคาสินค้าจนแนวโน้มกำไรปรับลดลง

Facebook Twitter LinkedIn

About Author

Morningstar