จากผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐเมื่อคืนนี้ทำให้มีการปรับดอกเบี้ยอีก 0.75% ไปตามที่ตลาดคาด ทำให้นับเป็นการปรับดอกเบี้ยที่ 0.75% เป็นครั้งที่ 4 โดย fed-funds rate ขยับขึ้นไปอยู่ในช่วง 3.75%-4.00% จากระดับ 0% เมื่อต้นปี
ในช่วงที่ผ่านมาทางเฟดยังคงแสดงความตั้งใจที่จะปรับดอกเบี้ยขึ้น ในขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้ออยู่ที่ (CPI) 8.2% ในขณะที่ core CPI ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานยังคงอยู่ระดับสูงเช่นกัน โดยเฉลี่ย 6% ในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรไม่มีการเคลื่อนไหวมากนักในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ถือว่าพุ่งขึ้นสูงเมื่อเทียบกับช่วงต้นปี ทำให้ต้นทุนการกู้ยืมสูงขึ้นทั้งสำหรับผู้บริโภคและภาคธุรกิจ โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว 30-year mortgage rate ขึ้นไปอยู่ที่ 7.08% หรือสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2002 ทำให้ตลาดบ้านปรับตัวลงอย่างมาก และจะนำไปสู่ผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจในระยะถัดไป
การคาดการณ์ดอกเบี้ยลดลง
การปรับดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐนั้นจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ โดยมอร์นิ่งสตาร์คาดเงินเฟ้อจะกลับมาอยู่ระดับปกติและเศรษฐกิจที่จะเติบโตช้าลงจะทำให้อัตราดอกเบี้ยต่ำลงในปีหน้าเป็นต้นไป และคาดว่าจะเริ่มลดดอกเบี้ยภายในช่วงกลางปีหน้า มอร์นิ่งสตาร์มีการคาดการณ์ที่ต่ำกว่าตลาด โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลงเร็วในช่วงครึ่งแรกของปี 2023 และ fed-funds rate จะไปสูงสุดที่ 4.25%-4.5% ในช่วงต้นปีหน้า ในขณะที่ตลาดคาดที่ 5%-5.25%
ทั้งนี้ยังมีความเสี่ยงที่ทางเฟดจะใช้มาตรการทางการเงินที่เข้มงวดมากเกินไป โดยเราคาดว่าอัตราเงินเฟ้ออาจลงไปที่ 1.4% ในปี 2024 หรือต่ำกว่าเป้าหมายของเฟดที่ 2% แต่อย่างไรก็ตามเรายังคงเห็นด้วยกับแนวทางที่เฟดให้ความสำคัญต่อการปรับดอกเบี้ยเพื่อต่อสู่กับเงินเฟ้อ เพราะเฟดสามารถปรับเปลี่ยนแนวทางเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้หากอัตราดอกเบี้ยมีการปรับให้สูงเกินไป ในทางตรงข้ามหากดอกเบี้ยต่ำเกินไปก็จะนำมาซึ่งความเสี่ยงเงินเฟ้อที่สูงมากจนแก้ได้ยากกว่า และนำมาซึ่งปัญหาภาคแรงงานและเศรษฐกิจในที่สุด
ทั้งนี้ในระยะยาวดอกเบี้ยจะลดลงไม่ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะดำเนินการอย่างไร โดยเราคาดว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี จะอยู่ที่ 2.75% ในปี 2026 จากระดับปัจจุบันที่ 4.1%