ในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้น Tesla (TSLA) ได้มีปรับตัวลงค่อนข้างมากหรือเกือบ 50% จากจุดสูงสุดเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ซึ่งการปรับตัวลงรอบนี้เกิดขึ้นในช่วงราว 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา หรือราว 30% หลังจากที่ Elon Musk ได้ประกาศถึงแผนการเข้าซื้อ Twitter (TWTR) มูลค่า 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยทางบริษัทจะมีการเปิดเผยรายงานผลกระกอบการในวันนี้ซึ่งจะเป็นที่จับตามองของนักลงทุนทั้งในแง่ของธุรกิจเองหรือ Elon Musk ที่จะมีการพูดถึงแนวทางเกี่ยวกับการซื้อ Twitter อย่างไร
ผลจากราคาที่ปรับลงของหุ้น Tesla ถือว่ามีความสำคัญต่อนักลงทุนจำนวนมาก เพราะแม้ว่านักลงทุนจะไม่ได้ซื้อหุ้น Tesla เองโดยตรง แต่ด้วยขนาดของบริษัทที่โตขึ้นทำให้หุ้น Tesla เป็นสัดส่วนที่ใหญ่ขึ้นในหลายดัชนีอ้างอิงการลงทุนโดยเฉพาะกองทุนอีทีเอฟหรือกองทุนเน้นหุ้นเติบโต
Morningstar US Market Index ได้ปรับตัวลง 24.94% แล้วในปีนี้ โดยมีน้ำหนักหุ้น Tesla 2.03% เมื่อสิ้นเดือนกันยายน เพิ่มขึ้นจะ 1.81% เมื่อต้นปี ขณะเดียวกัน Morningstar US Large Cap Index ปรับตัวลง 25.41% ในปีนี้ มีน้ำหนักหุ้น Tesla 2.77% จาก 2.45% เมื่อต้นปี หรือกองทุนอีทีเอฟอย่าง SPDR S&P 500 ETF Trust (SPY) มีสัดส่วนหุ้นดังกล่าวจาก 2.12% เป็น 2.33%
ประเด็นการซื้อ Twitter
ประเด็นการซื้อ Twitter ของ Elon Musk นั้นอาจทำให้นักลงทุนเกิดข้อสงสัย หากย้อนไปก่อนหน้านี้เมื่อ Elon Musk ได้บอกว่ากำลังทำข้อตกลงซื้อทวิตเตอร์ หลังจากนั้นก็ได้มีการพยายามที่จะล้มเลิกดีลดังกล่าว แต่ก็ได้ประกาศเดินหน้าต่อเมื่อไม่นานมานี้
เนื่องจากภาวะตลาดได้มีการเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดคำถามเพิ่มเติมถึงประเด็นแหล่งเงินทุน โดยก่อนหน้านี้ sovereign wealth fund ของกาตาร์และหนึ่งในกรรมการบริหาร Tesla คุณ Larry Ellison ที่เคยบอกว่าจะสนับสนุนดีลนี้ยังไม่ได้มีการกล่าวว่ายังสนใจดีลนี้อยู่หรือไม่ จึงทำให้เกิดความเสี่ยงต่อราคาหุ้นหาก Elon Musk จำเป็นต้องขายหุ้น Tesla เพิ่มเติมเพื่อนำเงินมาเป็นแหล่งเงินทุน ทั้งนี้สถาบันการเงินบางแห่งเช่น Morgan Stanley และ Bank of America ได้ตกลงที่จะปล่อยกู้มูลค่า 1.25 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อดีลดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีประเด็นเกี่ยวกับยอดส่งมอบรถยนต์ Tesla ที่น้อยกว่าที่ตลาดคาด การ lockdown ในเซี่ยงไฮ้ที่ส่งผลยอดการผลิต รวมทั้งการที่ Elon Musk มีความรับผิดชอบดูแลหลายกิจการจนมากเกินไปหรือไม่
ผลของหุ้น Tesla ที่มีต่อกองทุน
ราคาหุ้น Tesla ที่ปรับตัวลงส่งผลต่อผลตอบแทนกองทุนตามไปด้วย โดยจากข้อมูลพบว่ากองทุนที่ถือหุ้น Tesla มากที่สุด 10 กองทุนเมื่อธันวาคมปีที่แล้ว มีเพียง 1 กองทุนที่มีผลตอบแทนในอันดับดีกว่า percentile rank ที่ 50 เมื่อเทียบกับกองทุนในกลุ่มเดียวกัน
ขณะเดียวกันกองทุนหุ้นสหรัฐขนาดใหญ่ที่สุดในตลาด แม้จะมีมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้น Tesla อยู่ใน 10 อันดับแรก แต่ก็เป็นสัดส่วนที่ค่อนข้างต่ำหรือไม่ถึง 3%
สำหรับการประเมินมูลค่าหุ้น มอร์นิ่งสตาร์ได้มีการปรับ fair value ลงไปที่ 250 ดอลลาร์ โดยนักกลยุทธ์ คุณ Seth Goldstein ได้ให้ความเห็นว่าราคาหุ้นอยู่ในระดับที่เหมาะสม และนักลงทุนควรรอให้มี margin of safety ที่มากกว่านี้ก่อนพิจารณาเข้าลงทุนหุ้น Tesla