กองทุนรวมไทย (เฉพาะกองทุนเปิด ไม่รวมกองทุนปิด, ETF, REIT, Infrastructure fund) มีมูลค่าทรัพย์สินรวม 4.1 ล้านล้านบาท ทรงตัวจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่หดตัวลง 4.2% จากสิ้นปี 2021 โดยเป็นการหดตัวลงในทุกประเภทกองทุนยกเว้นกองทุนตราสารตลาดเงิน ในช่วงไตรมาสแรกมีเงินไหลออกสุทธิรวม 8.7 หมื่นล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นเงินไหลออกจากกองทุนตราสารหนี้
จากทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่เปลี่ยนแปลงได้ส่งผลลบต่อกองทุนตราสารหนี้ ผู้ลงทุนมีการขายกองทุนต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า ทำให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิลดลงไปอยู่ที่ต่ำกว่าระดับ 1.5 ล้านล้านบาท ลดลง 5.7% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยเป็นประเภทกองทุนที่มีเงินไหลออกสูงสุดในรอบไตรมาสนี้ด้วยมูล่า 8.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นเงินไหลออกจากทั้งกองทุนตราสารหนี้ในประเทศและกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ
กองทุนรวมตราสารทุนมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 1.5 ล้านล้านบาท ลดลง 4.8% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่ยังเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วราว 4.7% ในไตรมาสแรกนี้มีเงินไหลเข้าสุทธิ 3.8 พันล้านบาท โดยยังกระจุกตัวไปที่กองทุนหุ้นต่างประเทศ ในขณะที่กองทุนหุ้นไทยมีแรงขายจากกองทุน LTF
กองทุน Money Market เป็นอีกประเภทกองทุนที่มีเงินไหลเข้าสุทธิด้วยมูลค่า 1.4 หมื่นล้านบาท ทำให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้น 2.3% จากสิ้นปี 2021 ไปอยู่ที่ 6.6 แสนล้านบาท
กองทุนกลุ่ม Commodities มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 2.9 หมื่นล้านบาท ลดลง 6.3% จากสิ้นปี 2021 โดยเป็นผลจากการขายทำกำไรทั้งกองทุนทองคำและน้ำมันรวม 4.6 พันล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มกองทุนที่มีผลตอบแทนเฉลี่ยสูงสุด 2 อันดับแรกในรอบไตรมาสแรกที่ 27.5% และ 6.4% ตามลำดับ
10 อันดับกลุ่มกองทุนมูลค่าทรัพย์สินสุทธิสูงสุดตาม Morningstar Category
กองทุน Money Market เป็นกลุ่มที่มีมูลค่าทรัพย์สินสูงสุดที่ 6.6 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.3% จากสิ้นปี 2021 และยังมีเงินไหลเข้าต่อเนื่องอีกหนึ่งไตรมาส โดยล่าสุดเป็นกลุ่มเงินไหลเข้าสูงสุดมูลค่า 1.4 หมื่นล้านบาท
กลุ่ม Equity Large-Cap มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิอันดับ 2 ที่ 6.3 แสนล้านบาท ลดลง 1.7% จากสิ้นปี 2021 จากเงินไหลออกสุทธิรวมเกือบ 2 หมื่นล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นเงินจากกองทุน LTF ทำให้มีเงินไหลออกสูงขึ้นกว่าช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา รวมทั้งอยู่ในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้น ทั้งนี้กลุ่ม Equity Large-Cap เป็นหนึ่งใน 9 กลุ่มกองทุนที่มีผลตอบแทนเฉลี่ยเป็นบวกในช่วงไตรมาสแรกที่ 1.8%
กองทุนต่างประเทศหลายกลุ่มมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิหดตัวลงเช่นกัน โดยกลุ่ม Global Equity ลดลง 6.4% แต่ยังมีมูลค่าสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่กองทุนหุ้นจีนหดตัวลง 13.7% จากไตรมาสก่อนหน้าและต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อย่างไรก็ดีผู้ลงทุนมองเป็นจังหวะการเข้าลงทุนทำให้ทั้งสองกลุ่มยังคงมีเงินไหลเข้าสุทธิสูงสุด 10 อันดับแรก