ตลอดช่วง 7 ปีที่ผ่านมา มูลค่าตลาด Cryptocurrencies หรือสินทรัพย์ดิจิทัล ได้เพิ่มขึ้นจาก 5.2 พันล้าน เป็น 1.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนนิยมลงทุนมากเป็นอันดับ 4 ตามหลังจากหุ้น กองทุน และตราสารหนี้ หากดูเฉพาะ Bitcoin ยังพบว่ามีมูลค่าตลาดสูงเทียบติดอันดับ 1 ใน 10 ของตลาด S&P 500 อีกด้วย
นอกจาก Bitcoin ที่เป็นที่รู้จักกันมากแล้ว ยังมีสกุลเงิน Ether ที่มีมูลค่ามากเป็นอันดับ 2 ของตลาด และมีความแตกต่างที่สําคัญจาก Bitcoin ที่เป็นเพียงเหรียญอย่างเดียว คือ Ether ยังมีการทำงานบนระบบ Blockchains ที่มี Smart contract ซึ่งเป็นสัญญาระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขายที่จะระบุเงื่อนไขข้อตกลง กฎระเบียบต่างๆที่ทั้ง 2 ฝ่ายต้องปฎิบัติต่อกัน นอกจากนี้ยังมีสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆหรือ Altcoins อีกจำนวนมาก เช่น Ripple และ Litecoin เป็นต้น ทั้งนี้ Cryptocurrencies ถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีพื้นฐานของ Blockchains ซึ่งจะบันทึกทุกธุรกรรมที่เกิดขึ้นและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ โดยแต่ละเหรียญก็อาศัยอยู่บนระบบ Blockchains ของตัวเอง
ส่วนแบ่งตลาดที่ลดลงของ Bitcoin
แม้ในช่วงที่ผ่านมา Bitcoin จะเป็นเหรียญที่มีมูลค่าตลาดเติบโตได้มากที่สุด แต่ในระยะหลังก็เริ่มเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับเหรียญอื่นๆเพิ่มมากขึ้น โดยตั้งแต่มกราคมปี 2017-2022 มูลค่าตลาดของเหรียญอื่นๆก็เพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะ Ether และ Altcoins อื่นๆส่งผลให้สัดส่วนของ Bitcoin ลดลงจากเดิมที่มี Market share ถึง 90% นั้นลดลงมาเหลือ 43% ในเดือนมกราคมปี 2022
ราคาเหรียญ Ether ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมากจากความนิยมที่เพิ่มมากขึ้นในการใช้งาน Ethereum blockchains โดยในปีที่ผ่านมาส่วนแบ่งมูลค่าตลาดของเหรียญ Ether เพิ่มขึ้นจาก 15% เป็น 20% ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดของ Bitcoin ลดลงจาก 70% เหลือ 40% แม้ว่าเหรียญ Bitcoin ยังให้ผลตอบแทนสะสมได้ดีถึง 32% ก็ตาม
ขณะที่ Altcoins ที่เหลือก็ได้พัฒนา Blockchains ที่เน้นการมีต้นทุนในการทำธุรกรรมที่ต่ำกว่า Ethereum แต่สามารถใช้งานที่เทียบเคียงกันได้ ส่งผลให้สามารถดึงส่วนแบ่งตลาดมาจาก Ether ได้มากขึ้น Altcoins อื่นๆยังมีคุณสมบัติเฉพาะตัวและยืดหยุ่นมากกว่า Ether หรือ Bitcoin อย่างเช่น Terra เป็นแพลตฟอร์ม Blockchains ที่มีเป้าหมายเพื่อให้ราคามีเสถียรภาพเมื่อต้องชำระเงินข้ามแพลตฟอร์ม โดยอ้างอิง Stablecoin อย่าง US dollar และ Gold เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเหรียญ Polkadot ที่ Blockchains ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อเชื่อมต่อ Blockchains อื่นๆเข้าด้วยกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการทำธุรกรรม ความหลากหลายของ Altcoins จึงกลายเป็นจุดแข็งของสินทรัพย์กลุ่มนี้มากขึ้น
ผลตอบแทนยิ่งมาก ความผันผวนยิ่งสูง
ในปี 2017 Ether เคยสร้างผลตอบแทนสูงถึง 9,500% ขณะที่ Solana สร้างผลตอบแทนกว่า 11,100% ในปี 2021 ด้วยผลตอบแทนที่สูงก็ยิ่งทำให้ความน่าสนใจในการลงทุนมากยิ่งขึ้น ในทางตรงกันข้ามยิ่งให้ผลตอบแทนได้สูงเท่าไหร่ ความเสี่ยงจากขาลงก็มากเช่นกัน เพราะ Cryptocurrencies ไม่มีมูลค่าอ้างอิงหรือปัจจัยพื้นฐานเหมือนหุ้นหรือตราสารหนี้ โดยในปี 2018 Ether ขาดทุนกว่า 90% ของมูลค่าทั้งหมดที่มี ส่วนSolana มูลค่าหายไปกว่าครึ่งในช่วง พ.ย. 2021- ม.ค. 2022 ความผันผวนของ Crypto ไม่มีความสัมพันธ์กับสินทรัพย์ใดๆทั้งสิ้น และจากข้อมูลปี 2015-2022 พบว่าดัชนี CryptoCompare Digital Asset 100 มีความผันผวนมากกว่า 5 เท่าเมื่อเทียบกับดัชนี MSCI ACWI
และด้วยการที่ตลาด Cryptocurrencies มีความสัมพันธ์ที่ต่ำเมื่อเทียบกับสินทรัพย์อื่นๆก็ยิ่งทำให้เป็นที่สนใจของนักลงทุนสถาบันมากขึ้นด้วยเพื่อสร้างผลตอบแทนให้พอร์ตการลงทุนมากยิ่งขึ้น
แต่อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ผ่านมา Cryptocurrencies มีความสัมพันธ์ที่สูงมากขึ้นกับตลาดตราสารหนี้ ซึ่งเป็นเพราะโดยปกติในช่วงที่ตลาดมีสภาพคล่องลดลงมักจะทำให้ความสัมพันธ์ของสินทรัพย์ต่างๆเพิ่มสูงมากขึ้นนั่นเอง ซึ่งแตกต่างจากสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างเงินสดที่ในยามวิกฤติก็ยังคงรักษามูลค่าของตัวเองไว้ได้ดี
การเคลื่อนไหวของ Bitcoin กับทองคำ
Bitcoin ถูกเปรียบเสมือนว่าเป็น Digital gold อันเนื่องมาจากปริมาณที่มีจำกัดและการ Decentralized ทำให้ดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนที่มีความเชื่อดังกล่าว อย่างไรก็ตาม Morningstar ไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้น ความต้องการใช้ทองคำในทางการค้านั้นมีมาตั้งแต่ 600 ปีก่อนคริสต์ศักราช ขณะที่ Bitcoin พึ่งจะมีการใช้งานมาแค่ 14 ปีเท่านั้น ทองคำยังเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนให้ความสำคัญในช่วงที่ตลาดการเงินย่ำแย่ และความสัมพันธ์ระหว่างทองคำและสินทรัพย์อย่างหุ้นก็ต่ำมากเช่นกัน ขณะที่ Bitcoin มีค่าความสัมพันธ์กับหุ้นสูงขึ้นในยามตลาดผันผวนและยังไม่อาจเป็นเหมือนสินทรัพย์ที่ช่วยรักษาความมั่งคั่งได้อย่างทองคำ
แม้ที่ผ่านมาตลอดช่วง 14 ปีของ Cryptocurrencies ได้ถูกใช้งานจริงคู่ขนานกับระบบการเงินแบบเดิม แต่ก็ยังถือว่าเกิดขึ้นได้ไม่นานและมีความผันผวนสูง การผสานเข้ากับระบบการเงินในปัจจุบันและกระจายไปยังภาคอุตสาหกรรมอื่นๆมากขึ้นจะเป็นสิ่งที่กำหนดอนาคตของตลาด Crypto ได้มากขึ้นต่อไป