เรามาทำความรู้จักกองทุนนี้ให้มากขึ้นผ่านบทสัมภาษณ์กันเลยค่ะ
ท่านคิดว่าปัจจัยใดที่ทำให้กองทุนประสบความสำเร็จและได้รับรางวัลกองทุนรวมหุ้นขนาดใหญ่ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2
ท่ามกลางตลาดการเงินและการลงทุนที่ค่อนข้างมีความผันผวนสูงใน 2 ปีที่ผ่านมาจากสถานการณ์โรคระบาดที่มีการกลายพันธุ์และจุดเปลี่ยนของนโยบายทางการเงินของประเทศต่างๆทั่วโลก ทางผู้จัดการกองทุนได้มีการบริหารกองทุนแบบ Active โดยมีการติดตามสถานการณ์ต่างๆและปัจจัยทั้งหมดที่มีผลกระทบต่อการลงทุนอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งนำข้อมูลมาวิเคราะห์ทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพเพื่อทำการประเมินผลตอบแทนและความเสี่ยงที่แม่นยำในการลงทุนหุ้นรายตัว (Stock selection) เพื่อหา Upside และ Downside ในเชิง Valuation ทำให้สามารถหาโอกาสและจับจังหวะเข้าซื้อขายทำกำไรในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน ทั้งนี้การบริหารพอร์ตนั้นยังมีการแบ่งสัดส่วนของพอร์ตลงทุนในสักษณะการลงทุนในหุ้นที่เป็น Core (Strategic) portfolio ที่วางการลงทุนโดยคาดหวังผลตอบแทนในระยะกลางถึงยาว (มากกว่า 1 ปีขึ้นไป) และในส่วนของ Tactical portfolio ที่เน้นซื้อขายในระยะสั้นเพื่อช่วยเพิ่มผลตอบแทนหาหุ้นที่ mispriced ในจังหวะที่ตลาดมีความผันผวน นอกจากนี้ทางผู้จัดการกองทุนยังมีการพิจารณาเพิ่มหรือลดการถือครองเงินสดเพื่อบริหารความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนและเพื่อจับจังหวะในการเข้าซื้อขายทำกำไรเมื่อมีเหตุกาณ์ที่เข้ามากระทบตลาด ทั้งนี้จะมีการพิจารณาทบทวนพอร์ตการลงทุนอยู่เสมอว่าเป็นไปตามแผนการลงทุนที่วางไว้หรือไม่ โดยอาจมีการปรับเปลี่ยนได้ถ้ามีปัจจัยใหม่ที่เข้ามากระทบต่อตลาดเป็นระยะๆ
ท่านคิดว่าอะไรคือปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อกองทุนของท่านในปีนี้ และท่านจะมีแนวทางจัดการความเสี่ยงเหล่านั้นอย่างไร
จากมุมมองการลงทุนในตลาดหุ้นไทยปีนี้ คาดว่าปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตาดูหลักๆ เป็นเรื่อง 1) ทิศทางของนโยบายทางด้านการเงินและการคลังทั่วโลกที่จะเริ่มผ่อนคลายน้อยลงหลังจากที่เศรษฐกิจมีการฟิ้นตัวได้ดีและอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง 2) รัฐบาลของประเทศหลักที่จะเริ่มค่อยๆถอนเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีการอัดฉีดในช่วงที่สถานการณ์โควิด-19 มีการเร่งตัวขึ้น 3) คาดว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะค่อยๆดีขึ้นแต่ยังคงต้องจับตาดูอยู่ถ้ามีสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นรวมทั้งประสิทธิภาพของวัคซีนในระยะถัดไป 4) ด้านของประเด็นความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนอาจจะมีความยืดเยื้อทำให้ราคาพลังงานมีการปรับตัวสูงขึ้นและส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อ ในฐานะผู้จัดการกองทุนที่บริหารแบบ Active ได้นำปัจจัยต่างๆเหล่านี้มาวิเคราะห์เชิงพื้นฐานอย่างเป็นปกติอยู่แล้ว และได้มีการประเมินสถานการณ์และข้อมูลตลอดเวลา เพื่อที่จะสามารถพร้อมปรับพอร์ตการลงทุนทันทีถ้าหากผลตอบแทนและความเสี่ยงมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่ประเมินไว้
ท่านคิดว่าอะไรคือจุดแข็งของทีมงานที่ส่งผลให้กองทุนนี้ประสบความสำเร็จในปีที่ผ่านมา
บลจ. กสิกรไทย ยังคงเน้นการทำงานเป็นทีมและมีผู้จัดการกองทุนและนักวิเคราะห์ที่มีความสามารถและประสบการณ์ มีระบบ Database กลางเพื่อช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูล และมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลภายในทีมอย่างสม่ำเสมอให้ทันกับสถานการณ์ ทางผู้จัดการกองทุนแต่ละคนมีส่วนของงาน Research ที่ต้องรับผิดชอบโดยแบ่งตามความเชี่ยวชาญในแต่ละอุตสาหกรรม รวมถึงมีการใช้ Top-down Approach เพื่อ ทำ Asset Allocation ที่เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา การวิเคราะห์คัดกรองหลักทรัพย์ที่ลงทุนในเชิงลึกและการติดตามภาพเศรษฐกิจใหญ่ควบคู่ไปกับการบริหารความเสี่ยงจะช่วยให้กระบวนการตัดสินใจลงทุนมีความแม่นยำมากขึ้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความมีวินัยของผู้จัดการกองทุนที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีและสม่ำเสมอในระยะยาว
ท่านมีแนวทางในการพัฒนาจุดแข็งของทีมงานหรือกระบวนการคัดเลือกตราสารลงทุนให้ดียิ่งขึ้นอย่างไรในอนาคต
กระบวนการลงทุนของ บลจ.กสิกรไทยยังคงยึดหลักการลงทุนโดยวิเคราะห์จากปัจจัยพื้นฐานซึ่งใช้การวิเคราะห์ทั้งแบบ Bottom-up และ Top-down ทางทีมมีความเชื่อว่าการคัดเลือกหุ้นรายตัว (Stock selection) เป็นจุดสำคัญที่จะสร้างผลตอบแทนให้พอร์ตลงทุนและการที่ผู้จัดการกองทุนมีการทำวิจัยเชิงลึกด้วยตัวเอง ทั้งนี้มียังมีการใช้ Tactical Asset Allocation ในจังหวะและสถานการณ์ที่เหมาะสม ในปีที่ผ่านมาทางทีมการตระหนักถึงการพัฒนาทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็วและการนำ Big data มาใช้งานมากขึ้นล้วนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมด้านการแข่งขันของผู้จัดการกองทุนที่ใช้ปัจจัยพื้นฐานในการวิเคราะห์การลงทุน ทางทีมมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในกระบวนการลงทุนเพื่อช่วยเพิ่มขีดความสามารถของผู้จัดการกองทุนเพื่อประสิทธิภาพในการตัดสินใจลงทุนได้ดีที่สุด นอกจากนี้ทางทีมยังคงเน้นการลงทุนที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมโดยได้เข้าร่วมลงนามรับหลักการการลงทุนที่มีความรับผิดชอบ (PRI Signatory) เมื่อปี 2564
ท่านมีคำแนะนำอย่างไรบ้างสำหรับนักลงทุนที่สนใจกองทุนหุ้นขนาดใหญ่
บลจ. กสิกรไทย คาดว่าการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่มีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทนค่อนข้างสม่ำเสมอ ลักษณะของหุ้นขนาดใหญ่จะมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งและมีผลการดำเนินงานที่มั่นคงและความสามารถในการข้ามผ่านวิกฤตต่างๆได้ ดังนั้นการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ ผู้ลงทุนสามารถคาดการณ์กำไรในอนาคตและการเปลี่ยนแปลงของราคาที่มีความผันผวนต่ำเมื่อเทียบกับการลงทุนในหุ้นขนาดกลางและเล็ก