เฟดเริ่มขึ้นดอกเบี้ย 0.25%

เฟดได้มีการปรับดอกเบี้ยขึ้น 0.25% ท่ามกลางสถานการณ์เงินเฟ้อที่อยู่ระดับสูงขณะที่ยังมีความเสี่ยงจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน

Morningstar 17/03/2565
Facebook Twitter LinkedIn

การประชุม FOMC ล่าสุดเฟดได้มีการปรับดอกเบี้ยขึ้น 0.25% ท่ามกลางสถานการณ์เงินเฟ้อที่อยู่ระดับสูงขณะที่ยังมีความเสี่ยงจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน และคาดการณ์ที่จะปรับขึ้นอีก 7 ครั้งในปีนี้และต่อเนื่องในปีหน้า ทั้งนี้การปรับดอกเบี้ย 0.25% นั้นเป็นไปตามตลาดคาดเนื่องจากประธานเฟด Jerome Powell ได้มีความเห็นไปทางสนับสนุนการขึ้นที่ระดับ 0.25% และเป็นที่น่าสนใจว่าประธานเฟดเซนต์หลุยส์ James Bullard เห็นว่าควรขึ้นดอกเบี้ย 0.50%

ถ้อยแถลงของเฟดยังมีการปรับเปลี่ยนโดยไม่มีการพูดถึงการระบาดของโควิดหรือการกระจายวัคซีน เพิ่มถ้อยคำที่พูดถึงความไม่แน่นอนและความเสี่ยงที่เกิดจากสถานการณ์ระหว่างรัสเซียและยูเครน และแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่เป็นวงกว้างมากขึ้น ซึ่งถือเป็นนัยสำคัญที่แสดงถึงความกังวลของเฟดที่มากขึ้นต้องประเด็นเงินเฟ้อที่ต่างจากรอบก่อนหน้าว่าเป็นสถานการณ์ชั่วคราว นอกจากนี้ยังมีถ้อยคำเกี่ยวกับคาดการณ์เงินเฟ้อว่าจะลงมาอยู่ระดับเป้าหมาย 2% และตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่งในขณะที่จะมีมาตรการทางการเงินที่เข้มขึ้น ทำให้โดยรวมเห็นได้ว่าเฟดมีท่าทีชัดเจนขึ้นเพื่อจัดการกับเงินเฟ้อ

 1

ปรับดอกเบี้ยทุกรอบการประชุมปีนี้

ข้อมูลล่าสุดแสดงถึงคาดการณ์การปรับดอกเบี้ยที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน โดยคาดค่ากลาง federal-fund rate อยู่ที่ 1.9% ในปีนี้ สูงขึ้นจาก 0.9% และจาก 1.6% ในปี 2023 และ 2.1% 2024 ไปที่ 2.8% ซึ่งหมายความว่าจะมีการปรับดอกเบี้ยทุกรอบการประชุมรอบที่เหลือของปี 2022 และปรับ 1 ครั้งในทุก 2 รอบการประชุมของปีหน้า ด้านการเติบโต real GDP ลดลงในปี 2022 ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อปรับขึ้นในช่วง 3 ปีนี้หรือมากกว่า 2% ไปจนถึงปี 2024

2

ข้อมูลจาก CME แสดงให้เห็นว่าตลาดตราสารหนี้คาดดอกเบี้ยอยู่ที่ 175-225 bps หรือปรับขึ้น 7-8 ครั้งในปีนี้ ซึ่งตรงกับ dot plot ล่าสุด ทำให้จากนี้ไปเฟดจะต้องมีความระมัดระวังในการลดมาตรการกระตุ้นผ่านนโยบายการเงินในช่วงที่เศรษฐกิจเริ่มโตช้าลง อย่างไรก็ดีจากระดับเงินเฟ้อที่ค่อนข้างสูงกว่าดอกเบี้ยถือว่ามีโอกาสค่อนข้างต่ำที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยพร้อมกับการปรับดอกเบี้ยในปีนี้

 3

ในประเด็นของการลดขนาดงบดุลของเฟดนั้น ถ้อยแถลงที่เปลี่ยนแปลงไปจากในอดีตเป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดจะเริ่มลดขนาด balance sheet ในช่วงต่อจากนี้ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ในการประชุมครั้งหน้าช่วงต้นเดือนพฤษภาคม

Facebook Twitter LinkedIn

About Author

Morningstar