ทำไมหุ้นเทคฯถึงโดนแรงขายอย่างมาก

ตั้งแต่ต้นปี 2022 ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลง โดยเฉพาะหุ้น Growth stocks อย่างเช่น กลุ่มเทคโนโลยีที่ราคาหุ้นปรับลดลงอย่างมาก

Morningstar 31/01/2565
Facebook Twitter LinkedIn

ตั้งแต่ต้นปี 2022 ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลง โดยเฉพาะหุ้น Growth stocks อย่างเช่น กลุ่มเทคโนโลยีที่ราคาหุ้นปรับลดลงอย่างมาก ซึ่งเป็นผลมาจากทั้งราคาหุ้นที่เคยปรับสูงขึ้นมาอย่างมากก่อนหน้านี้ (overvalued)   และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น โดย Technology Select Sector SPDR Fund (XLK) ได้ปรับลดลง 11.8% ในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ปัจจัยที่มีผลทำให้หุ้นถูกขายในช่วงที่ผ่านมาได้แก่

  • อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐที่ชะลอตัว
  • นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นของ Fed
  • การเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ย

การที่หุ้นกลุ่ม Growth และ Technology มีแรงขายจากนักลงทุนหลังจากที่แนวโน้มเศรษฐกิจเติบโตช้าและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น เนื่องจากในการประเมินมูลค่าหุ้นกลุ่มนี้จะขึ้นอยู่กับ Earnings ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ดังนั้น นักลงทุนจึงปรับลดอัตราการเติบโตของกิจการในอนาคตลงและ/หรือใช้ Discount rate ในอัตราที่สูงขึ้นเพื่อสะท้อนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้มูลค่าที่แท้จริงของหุ้นกลุ่มนี้ปรับลดลงนั่นเองและทำให้เกิดแรงขายจากนักลงทุนในช่วงนี้ อย่างเช่นหุ้น Netflix (NFLX) ที่มีแรงขายออกมาจนราคาปรับลง 20% หลังจากรายงานผลประกอบการออกมา

อย่างไรก็ตามยังมีหุ้นบางตัวที่ถือว่าน่าสนใจและราคายังต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง เป็น high-quality stocks มีความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว หรือมีความสามารถในการแข่งขันด้านราคาสามารถส่งผ่านต้นทุนสินค้าไปยังผู้ซื้อได้ มีกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ และแนวโน้มผลประกอบการแข็งแกร่ง ได้แก่

1

รวมถึงหุ้น Technology บางบริษัทที่ได้ประโยชน์จากการที่ผู้บริโภคเริ่มกลับไปใช้ชีวิตปกติ อย่างเช่น

2

รวมถึงหุ้นที่นับว่าเป็น disruptive technology ที่ราคาได้ปรับลดลงมามากพอสมควรจนเป็นที่น่าสนใจในการเข้าลงทุนระยะยาว เช่น

3

อย่างไรก็ตาม ยังมีหุ้นกลุ่ม technology ที่ยังไม่น่าสนใจเข้าลงทุนเนื่องจากราคาหุ้นได้สะท้อนถึงอัตราการเติบโตไปมากแล้ว แม้ว่าจะถูกขายออกมาบ้างแล้วแต่ราคาก็ยังถือว่าสูงกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็นอยู่ดี

4

อย่างไรก็ตามแม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะปรับลดลงอย่างมาก แต่ในแง่ Outlook ของเศรษฐกิจสหรัฐก็ไม่ได้แย่มากแม้ว่าจะเติบโตชะลอลงก็ตาม โดยเราคาดว่า GDP สหรัฐปีนี้จะเติบโต 3.9% และ 3.5% ในปี 2023 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่สูงและปรับลดลงในปีหน้า  และด้วยราคาหุ้นกลุ่ม technology ที่ปรับลดลงมากจึงถือเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าซื้อหุ้นที่ดีได้

Facebook Twitter LinkedIn

About Author

Morningstar