พอร์ตกองทุนหุ้นไทย Equity Small/Mid-Cap

กองทุนกลุ่ม Equity Small/Mid-Cap เป็นกลุ่มที่มีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม แต่สามารถสร้างผลตอบแทนได้โดดเด่นอย่างมากในปีนี้ มาดูกันว่ากองทุนกลุ่มนี้มีการลงทุนอะไร และผลตอบแทนที่แตกต่างกันของกองทุนในกลุ่มนี้เกิดจากอะไร

Morningstar 18/11/2564
Facebook Twitter LinkedIn

กองทุนกลุ่ม Equity Small/Mid-Cap หรือกองทุนหุ้นไทยขนาดกลาง-เล็ก เป็นกลุ่มที่มีมูลค่าทรัพย์สินรวม 6.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ต่ำเมื่อเทียบกับทั้งอุตสาหกรรมที่มูลค่า 4.2 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นเพียงสัดส่วน 1.6%

การลงทุนของกองทุน Equity Small/Mid-Cap มีสัดส่วนการลงทุนสูงสุดในกลุ่มการเงิน โดยในรอบครึ่งปีแรกนี้มีสัดส่วนอยู่ที่ 17.3% ตามมาด้วยกลุ่ม Consumer Cyclical ที่ 11.9% ที่เป็นไปในลักษณะเดียวกันกับในอดีตคือเป็น sector ที่มีสัดส่วนการลงทุนสูงสุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ดีการลงทุนโดยรวมมีการกระจายในหลายอุตสาหกรรมในสัดส่วนที่สูงขึ้น เห็นได้จากในช่วง 10 ปีที่แล้วอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนการลงทุนต่ำสุดจะอยู่ที่ระดับ 1% เทียบกับปัจจุบันที่ต่ำสุดราว 5%-6% ทั้งนี้กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี และ Healthcare เป็นต้น

sect

(หมายเหตุ ข้อมูลสัดส่วนการลงทุนคำนวณจากค่าเฉลี่ยพอร์ตเดือนมิถุนายนและธันวาคมของแต่ละปี ยกเว้นปี 2021 ที่ใช้ค่าเฉลี่ยเดือนมีนาคมและมิถุนายน)

ในด้านผลตอบแทนรอบปีที่แล้วตลาดหุ้นไทย underperform ทั่วโลกค่อนข้างมาก กองทุนหุ้นไทยมีผลตอบแทนเฉลี่ยติดลบ โดยกลุ่ม Equity Small/Mid-Cap เฉลี่ยที่ -3.0% แต่ในรอบ 6 เดือนแรกของปีนี้เป็นกลุ่มที่มีผลงานโดดเด่น ด้วยผลตอบแทนเฉลี่ยสะสม 19.3% อยู่ในอันดับ 3 ของอุตสาหกรรม สูงกว่า SET TR ที่ 11.5% และกลุ่ม Equity Large-Cap ที่ 10.1%

return

แม้ว่าโดยรวมกองทุนกลุ่มนี้จะลงทุนลักษณะเดียวกันคือหุ้นขนาดกลาง-เล็กและมีผลตอบแทนเป็นบวกทั้งหมดในช่วงครึ่งปีแรก แต่หากแบ่งกองทุนออกเป็นกลุ่มย่อย 10 กลุ่มตามผลตอบแทนสูง-ต่ำ (decile rank) จะพบว่ามีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก โดยผลตอบแทนสูงที่สุดกลุ่มแรก (Highest 10%) มีผลตอบแทน 30%-40% ในขณะที่กลุ่มที่ผลตอบแทนต่ำสุด (Lowest 10%) อยู่ที่ต่ำกว่า 10%

decile

หากพิจารณาสัดส่วนการลงทุนจะพบว่าทั้งกลุ่มที่มีผลตอบแทนสูงสุดและต่ำสุดมีการลงทุนในกลุ่มการเงินสูงสุดเหมือนกัน แต่มีสัดส่วนที่ไม่เท่ากันโดยกลุ่ม Lowest 10% ให้น้ำหนักเฉลี่ย 23% ในขณะที่กลุ่ม Highest 10% อยู่ที่ 17% ในทางกลับกันกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนต่ำสุดของ Highest 10% คือ กลุ่ม Utilities ขณะที่กลุ่ม Lowest 10% ลงทุนกลุ่ม Healthcare น้อยที่สุด นอกจากนี้ยังมีความแตกต่างที่สำคัญคือกลุ่ม Highest 10% ให้น้ำหนักหุ้นกลุ่ม Industrials และ Technology ที่สูงกว่ากลุ่ม Lowest 10% กว่าเท่าตัว ซึ่งเป็นหุ้นกลุ่มที่มีผลตอบแทนสูงในปีนี้

sector

จากข้อมูลนี้แสดงให้เห็นว่าแม้จะมีการลงทุนลักษณะเดียวกัน แต่สามารถให้ผลตอบแทนแตกต่างกันได้ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของแต่ละกองทุน ทั้งนี้นักลงทุนควรพิจารณาร่วมกับปัจจัยอื่นก่อนตัดสินใจลงทุนด้วย เช่น ความเสี่ยง หรือระยะเวลาการลงทุน เนื่องจากบทความนี้เป็นการแสดงผลตอบแทนและปัจจัยที่เกิดขึ้นเฉพาะในช่วงปีนี้ ฉะนั้นในช่วงเวลาที่ต่างกัน กองทุนที่มีผลตอบแทนสูงมากอาจมีความเสี่ยง/ความผันผวนที่สูงกว่ากองทุนที่ผลตอบแทนต่ำกว่าได้

Facebook Twitter LinkedIn

About Author

Morningstar