จากข้อมูลการศึกษาบริษัทต่างๆในอเมริกาพบว่าโดยส่วนใหญ่แล้วบริษัทต่างๆยังคงไม่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการจ้างแรงงานของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเชื้อชาติและชาติพันธุ์ที่หลากหลายหรือไม่ แม้ว่าแนวโน้มของจำนวนบริษัทที่ยอมเปิดเผยข้อมูลเรื่องแรงงานดังกล่าวจะมีแนวโน้มที่เพิ่มมากขึ้นจากในอดีตก็ตาม ขณะที่นักลงทุนเองก็ให้ความสำคัญเพิ่มขึ้นต่อการที่บริษัทต่าง ๆ มีการจ้างงานที่หลากหลายซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงินไปสู่ชุมชนต่าง ๆ และช่วยบรรเทาปัญหาความยากจน
การเปิดเผยเรื่องเชื้อชาติและชาติพันธุ์ของแรงงาน
จากการสำรวจของ Equal Employment Opportunity Commission หรือ EEOC ในปี 2019 ไปยังบริษัทต่าง ๆ เกี่ยวกับข้อมูลการจ้างแรงงานด้านเชื้อชาติต่าง ๆ ที่บริษัทนั้น ๆ จ้างอยู่ พบว่ากว่า 61% ของจำนวนบริษัทที่ทำการสำรวจนั้นไม่ต้องการเปิดเผยข้อมูลในเรื่องดังกล่าว ซึ่งลดลงจากปี 2015 ที่มีจำนวนบริษัทมากถึง 91% ที่ไม่ต้องการเปิดเผยเรื่องแรงงาน เนื่องจากผู้บริหารของบริษัทเหล่านั้นอาจไม่เห็นด้วยต่อการเปิดเผยข้อมูลเรื่องดังกล่าว เพราะอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ของบริษัทในภายหลัง
ขณะที่การนำข้อมูลของบริษัทต่างๆที่ยอมเปิดเผยมาเปรียบเทียบก็ยังเป็นเรื่องที่ยาก เนื่องจากบางบริษัทให้ข้อมูลน้อยนิดและเลือกที่จะเปิดเผยบางส่วน ขณะที่บางบริษัทก็ให้ข้อมูลจำนวนมาก
ตำแหน่งการจ้างงานและผลตอบแทน
ข้อมูลเรื่องตำแหน่งงานของเชื้อชาติต่างๆที่ได้รับการว่าจ้างโดยบริษัทอเมริกายังเป็นสิ่งที่นักลงทุนให้ความสนใจอีกเช่นกัน ซึ่งจากการสำรวจพบว่าในบางอุตสาหกรรมแรงงานจากเชื้อชาติอื่นๆมักจะถูกจ้างอยู่ในตำแหน่งพนักงานระดับทั่ว ๆ ไปเท่านั้น และมีสัดส่วนไม่มากในระดับผูบริหาร
อย่างไรก็ตามหากมองไปที่ผลตอบแทนของแรงงาน พบว่าโดยรวมบริษัทที่เปิดให้มีการจ้างแรงงานจากต่างเชื้อชาติให้อยู่ในตำแหน่งระดับผู้บริหารโดยส่วนใหญ่ก็มักจะให้อัตราผลตอบแทนที่สูงไปด้วยโดยเปรียบเทียบกับบริษัทที่มีการจ้างงานในสัญชาติอื่น ๆ น้อย
แนวทางในอนาคต
สำหรับนักลงทุนที่คำนึงถึงการลงทุนโดยอิงเรื่องความหลากหลายทางเชื้อชาติในการจ้างงานนั้นยังมีข้อจำกัดอีกหลายด้าน เนื่องจากการเปิดเผยข้อมูลในเรื่องดังกล่าวของบริษัทต่าง ๆ ยังมีจำนวนไม่มาก และแบบสำรวจที่จัดทำอาจมีความล้าสมัย นักลงทุนจึงมองหาแนวทางที่จะพยายามส่งเสริมให้บริษัทต่าง ๆ เปิดเผยข้อมูลในเรื่องดังกล่าวมากขึ้น เพิ่มการจ้างงานในเชื้อชาติที่หลากหลาย ส่งเสริมให้เกิดสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีแก่คนเหล่านี้ รวมทั้งสนับสนุนให้ผู้ถือหุ้นเห็นชอบต่อการดำเนินแนวทางของบริษัทในเรื่องดังกล่าวต่อไป
ประเด็นความหลากหลายเชื้อชาติอาจเป็นเรื่องที่นักลงทุนไทยไม่คุ้นเคย แต่ถือเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่มีผลต่อภาพลักษณ์องค์กร รวมทั้งในแง่ของการลงทุนอย่างยั่งยืนที่อยู่ในปัจจัยด้านสังคม หากเกิดความไม่เท่าเทียมในองค์กรก็อาจส่งผลต่อความยั่งยืนได้เช่นกัน