กองทุนชั้นนำมักเลี่ยงหุ้นร้อนแรง

หากไปดูที่รายชื่อหุ้นร้อนแรงตั้งแต่ต้นปี 2020 ถึงเดือนมิถุนายน 2021 นั้นจะมีความเกี่ยวข้องกับ วัคซีนโควิด บอร์ด reddit และ bitcoin แต่กองทุนที่ทางมอร์นิ่งสตาร์ให้เรตติ้งระดับสูง (Morningstar Analyst Rating) ไม่ได้ถือหุ้นเกี่ยวกับ reddit และ bitcoin มากเท่าไหร่นัก เนื่องจากวิธีการเลือกหุ้นโดยใช้ปัจจัยพื้นฐานมักจะหลีกเลี่ยงหุ้นในกระแสหรือ bitcoin ซึ่งอาจเป็นเพราะความไม่ชอบหรือยังไม่สามารถประเมินมูลค่าธุรกิจได้

อย่างไรก็ตามผู้จัดการกองทุนแบบเชิงปริมาณที่ใช้ปัจจัยด้าน momentum ของราคาเป็นส่วนหนึ่ง อาจมีการลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ได้ สาเหตุที่กองทุนมักไม่ได้ถือกลุ่มหุ้นที่มีผลตอบแทนสูงสุดนั้นเนื่องจากหุ้นเหล่านั้นมักเป็นหุ้นเล็ก ราคาต่อหุ้นที่ต่ำ (penny stock) และมีปัญหาด้านการเงิน ราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นนั้นเป็นผลจากการดันราคาขึ้นไปจากฐานที่ต่ำมาก ๆ

โดยปกติแล้วในแต่ละเดือนจะพบว่าอาจมีหุ้น 2-3 ตัวใน Russell 3000 Index ที่ปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า 1,000% ในช่วง 18 เดือนย้อนหลัง อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมานี้อาจมีภาพที่ต่างไป โดยมีหุ้นถึง 16 ตัวที่เพิ่มขึ้นหลักพันเปอร์เซ็นต์ หรือเป็นจำนวนหุ้นที่สูงสุดตั้งแต่ปี 2010 และกว่าครึ่งไม่ถือเป็น penny stock โดยมีบริษัทจำนวนหนึ่งกำลังเป็นส่วนสำคัญในบางดัชนีที่มีการใช้อ้างอิงแพร่หลาย ทำให้การหลีกเลี่ยงหุ้นเหล่านี้ทำได้ยากขึ้น ตารางด้านล่างนี้เป็นการแสดงให้เห็นว่า กองทุนที่มอร์นิ่งสตาร์ให้เรตติ้งตั้งแต่ระดับ Bronze ขึ้นไปนั้น (Morningstar Medalist fund) มีการซื้อ-ขายหุ้นผลตอบแทนสูงสุด 20 ตัวของ Russell 3000 Index อย่างไรในช่วงตั้งแต่ต้นปี 2020

Vaccine Stocks

นับตั้งแต่ต้นปี 2020 ไม่มีหุ้นที่สร้างผลตอบแทนที่สูงกว่า Novavax NVAX ซึ่งเป็นบริษัท biotechnology ที่พัฒนาวัคซีน COVID-19 แต่ยังไม่ได้นำออกมาใช้เนื่องจากรออนุมัติจาก FDA โดยราคาหุ้นพุ่งขึ้นจาก 4 ดอลลาร์ต่อหุ้นช่วงต้นปี 2020 มาที่ 212 ดอลลาร์ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา หรือเพิ่มขึ้นมากกว่า 5,000% โดยมีกองทุนMorningstar Medalist เพียงกองทุนเดียวคือ Vanguard Explorer VEXPX ที่ถือหุ้นตัวนี้มาก่อนปี 2020 และกองทุนถือหุ้นเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกเท่าตัวในช่วงไตรมาสแรกของปี 2020 ซึ่งเป็นช่วงที่หุ้น NVAX ซื้อขายที่ระดับต่ำกว่า 20 ดอลลาร์ และได้ลดสัดส่วนในช่วงที่ราคาเริ่มปรับตัวขึ้นจนเหลือไม่ถึง 0.1% ผู้จัดการกองทุนอื่นยังเชื่อว่าราคาหุ้นยังปรับขึ้นได้ โดยพบว่า 13 กองทุนใน Morningstar Medalist ลงทุนใน NVAX ในช่วงต้นปีนี้ที่ราคาขึ้นไปสูงกว่าระดับ 200 ดอลลาร์แล้ว

Moderna MRNA เป็นผู้พัฒนาวัคซีนรายที่สองที่ได้อนุมัติให้ใช้วัคซีนได้เป็นการฉุกเฉิน ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์แรกที่เข้าสู่ตลาด โดยมีกองทุนเพียงจำนวนหนึ่งลงทุนในหุ้นนี้ในช่วง IPO เมื่อธันวาคม 2018 ที่ราคา 23 ดอลลาร์ต่อหุ้น เช่น JPMorgan SMID Cap Equity WOOPX, Fidelity Growth Company FDGRX, Morgan Stanley Institutional Growth MSEQX เป็นต้น มีเพียงกองทุน JPMorgan เท่านั้นที่ขายหุ้น Moderna ออกไปหมดแล้ว และเป็นหุ้นที่หลายกองทุนถืออยู่แม้ว่าจะเพิ่มขึ้นมากว่า 1,000%

Meme Stocks

GameStop (GME) เป็นหนึ่งในหุ้นที่ถูกพูดถึงมากที่สุดใน reddit ที่มีบางกองทุนถืออยู่เช่นกัน Fidelity® Low-Priced Stock Fund FLPSX ถือหุ้น GME มาตั้งแต่ปี 2009 และได้ขายออกไปเมื่อมกราคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ Principal Large Cap Growth PLGIX และ Vanguard Explorer ได้เริ่มซื้อในช่วงราคาดีดขึ้น ซึ่งเป็นผลจากเชิงปริมาณมากกว่าด้านพื้นฐาน เนื่องจากกองทุน Principal นั้นลงทุนตาม Russell 2500 Growth Index ซึ่ง GameStop อยู่ในหุ้น 40 ตัวแรก ในขณะที่กองทุน Vanguard นั้นลงทุนตามปัจจัยด้าน momentum

Bitcoin stocks

หุ้น 2 ใน 4 ตัวที่ผลตอบแทนสูงสุดตั้งแต่ต้นปี 2020 นั้นเป็นหุ้นการขุด bitcoin แต่กองทุน Medalist ยังเลี่ยงที่จะลงทุน บริษัท Marathon Digital Holdings (MARA) เป็นบริษัทที่อาจยังไม่ชัดเจนว่าทำธุรกิจใด ทั้งเหมืองยูเรเนียม อสังหาริมทรัพย์ หรือลงทุนในสิทธิบัตรต่าง ๆ แต่ปัจจุบันออกตัวว่าเป็นผู้ขุด bitcoin ทำให้ราคาหุ้นพุ่งกว่า 3,400% ในช่วงต้นปี 2020 ถึงมิถุนายน 2021 หรือสูงเป็นอันดับ 2 ของ Russell 3000 อย่างไรก็ดีบริษัทยังไม่สามารถทำกำไรในช่วง 10 นับแต่ก่อตั้ง จากข้อมูลพบว่ามีกองทุน Medalist เพียง 3 กองทุนที่ถือหุ้น MARA โดยแต่ละกองจะใช้การประเมินเชิงปริมาณในการคัดเลือกหุ้น คือ JPMorgan Small Cap Core Equity IJSSX, BlackRock Advantage Small Cap Growth, and Vanguard Strategic Equity VSEQX โดยทั้งหมดเริ่มลงทุนไตรมาสที่ 2 ของปีนี้

หากมองย้อนอดีตจะพบว่าการที่กองทุนหลีกเลี่ยงหุ้นที่ผลตอบแทนสูงมาก ๆ นั้นถือเป็นการตัดสินใจที่ดี นับตั้งแต่ปี 2003 หุ้นที่ติดอันดับผลตอบแทนสูงสุด 20 ตัวใน Russell 3000 รอบผลตอบแทนย้อนหลัง 18 เดือน นั้นส่วนใหญ่ไม่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าต่อเนื่อง และ 1 ใน 4 จะมีมูลค่าลดลงไปอย่างน้อย 50% และในรอบ 3 ปีต่อมาจะยิ่งแย่กว่า หรือเพียง 25% ของหุ้นเหล่านั้นที่จะสามารถ outperform ดัชนี และกว่า 35% จะมีมูลค่าลดลงอย่างน้อย 50%

จากข้อมูลทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่า หุ้นที่ผลตอบแทนสูงมาก ราคาพุ่งขึ้นแรง และอยู่ในกระแสทำให้หุ้นนั้นดูเหมือนน่าสนใจ และน่าลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่เราหวังว่าจะยังคงสูงขึ้นต่อ แต่ในความเป็นจริงแล้วส่วนใหญ่จะสวนทางกับที่คาดมากกว่า แม้ว่าเนื้อหาที่นำเสนอนี้จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับผู้ลงทุนกองทุนรวมในไทยโดยตรง แต่ก็เป็นอีก กรณีศึกษาที่จะทำให้เห็นภาพการลงทุนในช่วงที่ผ่านมาเพื่อนำไปปรับใช้กับการตัดสินใจการลงทุนในอนาคต