เรามาทำความรู้จักกองทุนนี้ให้มากขึ้นผ่านบทสัมภาษณ์กันเลยค่ะ
คำถาม ท่านคิดว่าปัจจัยใดที่ทำให้กองทุนประสบความสำเร็จท่ามกลางสถานการณ์โรคระบาดในปี 2020
คำตอบ สำหรับเรา ปี 2020 ถือว่าเป็นปีที่มีความท้าทายเป็นอย่างมากในการบริหารกองทุน เนื่องจากความผันผวนของปี 2020 นั้น ถือว่าสูงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2008 ที่มีวิกฤติการเงิน Sub-prime และสำหรับตัวผู้จัดการกองทุน ยอมรับว่ากว่าเราจะรู้ตัวว่านี่คือวิกฤติทางเศรษฐกิจที่มีความรุนแรงอย่างมาก พอร์ตการลงทุนก็ได้ปรับตัวลงไปแล้ว 40-50% ในเดือนมีนาคม 2020 และมีมูลค่าลดลงมากกว่า 30% เมื่อเทียบกับช่วงสิ้นปี 2019
อย่างไรก็ดี เราได้บริหารจัดการโดยยึดถือหลักการลงทุนแบบที่เราใช้มาโดยตลอด โดยเฉพาะการใช้หลักการประเมินมูลค่าหุ้นโดยเน้นการใช้วิธี Bottom Up เป็นหลัก นอกเหนือจากนี้ ทางผู้จัดการกองทุนก็ได้นำการใช้ Quantitative Investing (สอดคล้องกับที่เราได้นำเสนอไปในบทสัมภาษณ์ของ Morningstar Award ปี 2019)
มาประยุกต์ใช้กับการลงทุน เพื่อช่วยในการตัดสินใจลงทุน โดยใช้เทคนิคดังกล่าว ร่วมกับการวิเคราะห์การลงทุนแบบ Bottom Up เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุด ภายใต้ความเสี่ยงที่เราสามารถยอมรับได้ โดยการบริหารกองทุนของเรานั้นได้คำนึงถึงความเสี่ยงเป็นสำคัญ โดยทางผู้จัดการกองทุนพยายามที่จะลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนด้วยการให้ความสำคัญกับการประเมินมูลค่า (Valuation) ของหุ้นรายตัว และกำหนดการกระจายความเสี่ยง(Diversification) ด้วยการกำหนดจำนวนหุ้นให้เหมาะสมกับแต่ละสถานการณ์ ซึ่งการกระจายความเสี่ยงนั้น
เป็นตัวเลือกหนึ่งที่เราเชื่อว่าจะช่วยสร้างผลตอบแทน (เมื่อเทียบกับความเสี่ยง) ได้ดีที่สุด
คำถาม ท่านคิดว่าอะไรคือจุดแข็งของทีมงานที่ส่งผลให้กองทุนนี้ประสบความสำเร็จ
คำตอบ ที่ บลจ. ทิสโก้นั้น เราให้อิสระและสร้างการทำงาน แบบ Agile โดยเฉพาะในการตัดสินใจลงทุนแก่ผู้จัดการกองทุนของเรา โดยทั่วไปทีมงานลงทุนจะมีการปรับและอัพเดทมุมมองการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราพยายามลดเวลาที่ต้องใช้ระหว่างการวิเคราะห์ วางแผน และการตัดสินใจลงทุนซื้อขายให้สั้นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นอกจากนี้ ทีมผู้จัดการกองทุนของเรานั้น ส่วนใหญ่มีประสบการณ์ในสายการลงทุนอย่างยาวนาน และมีคุณวุฒิทางการศึกษาที่ดี รวมถึงได้มีการศึกษา ค้นคว้า วิธีการลงทุนใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการใช้ Quantitative Method
มาช่วยในการเลือกหุ้น และการจัดพอร์ตการลงทุน เนื่องจากทางเรามองว่า แนวทางการลงทุนดังกล่าว
เป็นแนวทางที่อุตสาหกรรมกำลังพัฒนาไปในอนาคต
คำถาม ท่านมีความเห็นอย่างไรต่อภาวะเศรษฐกิจไทยในปีนี้ และประเมินว่าตลาดหุ้นไทยโดยเฉพาะกลุ่มหุ้นขนาดกลาง-เล็กจะมีทิศทางเป็นอย่างไรเทียบกับปี 2020
คำตอบ ในความคิดเห็นของเรา สืบเนื่องจากการที่หุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กมีผลตอบแทนที่ดีในปี 2020 ที่ผ่านมาทำให้ ณ ปัจจุบัน มูลค่าของหุ้นในกลุ่มดังกล่าวได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา จากระดับที่ถูกมากเกินไป มาสู่ระดับที่ค่อนข้างที่จะเหมาะสมในปัจจุบัน อย่างไรก็ดี ปัจจัยบวกต่างๆ อาทิเช่น การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการฟื้นตัวของกำไรของบริษัทต่างๆ ในตลาดหลักทรัพย์ จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้หุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กเติบโตได้ตลอดทั้งปี 2021
โดยสรุปแล้ว เรามีมุมมองเป็นบวกต่อการลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก ซึ่งน่าจะทำผลงานได้ค่อนข้าง
น่าพอใจในปี 2021 นี้ เนื่องจากมูลค่าหุ้นที่แม้จะอยู่ในระดับที่เหมาะสม แต่ก็ยังไม่ได้แพงจนเกินไป ประกอบกับกำไรของบริษัทในกลุ่มดังกล่าว น่าจะมีการฟื้นตัวได้อย่างค่อนข้างน่าพอใจตลอดทั้งปี
คำถาม ท่านมองว่าปีนี้กองทุนของท่านจะมีการปรับกลยุทธ์ให้ต่างออกไปจากปีที่แล้วหรือไม่อย่างไร
คำตอบ สำหรับแนวทางการลงทุนนั้น เรายังคงใช้การเลือกหุ้นแบบ Bottom Up เป็นหลัก เช่นเดียวกับที่เราใช้มาตั้งแต่จัดตั้งกองทุน อย่างไรก็ดี ท่ามกลางกระแสการใช้การวิเคราะห์เชิงปริมาณที่กำลังเติบโต เราจึงได้นำวิธีการดังกล่าวมาประยุกต์ใช้กับวิธีการลงทุนดั้งเดิมของเรา เพื่อผลตอบแทนที่ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ในปี 2021 จะเป็นปีที่เราจะให้ความสำคัญยิ่งขึ้นกับการประเมินมูลค่าหุ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้ P/E, P/BV หรือวิธีการอื่นๆ ในการเลือกหุ้นเข้าหรือออกจากพอร์ตการลงทุน ในขณะที่เทรนด์การลงทุนที่เราให้ความสำคัญ
ในปีนี้ ได้แก่ Digitalization และการใช้สารสกัดจากกัญชงในการผลิตอาหารและเครื่องดื่ม
คำถาม ท่านมีคำแนะนำอย่างไรบ้างสำหรับนักลงทุนที่สนใจกองทุนหุ้นขนาดกลาง-เล็ก
คำตอบ สำหรับกองทุน TISCO Mid/Small Cap นั้น ทางเราขอแนะนำสำหรับนักลงทุนที่สนใจจะลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กของไทย โดยมีช่วงเวลาที่ต้องการจะถือหุ้นตั้งแต่ 3-5 ปีขึ้นไป (ระยะเวลาดังกล่าวเป็นระยะเวลาขั้นต่ำ ที่ผู้จัดการกองทุนเลือกลงทุนในหุ้นของพอร์ตการลงทุน) สำหรับหุ้นที่เราเลือกลงทุน ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่ไม่ผันผวนมากนัก และเน้นหุ้นที่มีอัตราการทำกำไรสูง และมีหนี้สินต่อทุนต่ำ โดยลูกค้าที่ลงทุนในกองทุนจะได้รับประโยชน์จากการกระจายการลงทุน และการกระจายความเสี่ยงที่เหมาะสม ซึ่งจะทำให้การลงทุนของท่านนั้นมีความผันผวนที่ต่ำกว่าการเลือกลงทุนรายตัว ที่เราคิดว่าจะสร้างผลตอบแทนได้ดี ในระยะยาว (3-5 ปี)