นับเป็นครั้งแรกของ กองทุนเปิดบัวหลวงร่วมทุน ที่สามารถคว้ารางวัล Morningstar Awards กองทุนยอดเยี่ยมในกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ไปได้ ด้วยผลตอบแทนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มถึงเฉลี่ย 5%ต่อปี ตลอด 5ปีที่ผ่าน อีกทั้งกองทุนยังสามารถคุมความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ต่ำเป็นอันดับต้นๆของกลุ่มอีกด้วย และกองทุนยังมีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ นี่คือความความโดดเด่นของกองทุนบัวหลวงร่วมทุนครับ
และในวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกองทุนเปิดบัวหลวงร่วมทุนกันให้มากยิ่งขึ้นผ่านบทสัมภาษณ์จากทีมผู้จัดการกองทุน บลจ. บัวหลวง
คำถาม: ตลอดปี 2559 ที่ผ่านมานี้กองทุน Bualuang Capital ได้มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางการลงทุนหรือไม่ อย่างไร? กรุณาช่วยยกตัวอย่างการลงทุน (หุ้นและหมวดอุตสาหกรรม) ที่โดดเด่นจนทำให้กองทุนประสบความสำเร็จในช่วงปี 2559 ที่ผ่านมา และในปัจจุบันนี้ ท่านมีมุมมองต่อการลงทุนดังกล่าวเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ อย่างไร?
คำตอบ: การลงทุนของเรายังคงยึดตาม Investment Theme หลักๆที่ผ่านมา เพราะเป็นการลงทุนระยะยาว จึงไม่ได้เปลี่ยนหุ้นที่เป็น Core Portfolio กันบ่อย ซึ่งที่ผ่านมาเราให้น้ำหนักในกลุ่มค้าปลีก เนื่องจากเราเชื่อว่าเป็น Sector ที่เติบโตไปพร้อมๆกับภาพ Macro ของ ASEAN (การขยายตัวของชนชั้นกลาง กำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น การเพิ่มขึ้นของ Urbanization) ซึ่งในปี 2559 ที่ผ่านมา หุ้นกลุ่มนี้ Outperform SET อย่างมาก (ปี 2559 SET +19.8%, Commerce +41%) นอกจากนี้ เรายังให้น้ำหนักลงทุนใน Energy sector (ปี 2559 Energy +38.4%) เนื่องจากได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมา
สำหรับมุมมองกลุ่มค้าปลีก บลจ.บัวหลวง เชื่อว่า ยังเติบโตไปได้ดี ด้วยปัจจัยตามที่กล่าวไปข้างต้นยังคงมีผลต่อเนื่อง ทั้งยังมีเรื่องของ E-commerce หรือ Online business ที่จะเข้ามาช่วยต่อยอดให้ภาคค้าปลีกใน ASEAN ให้ขยายตัวได้ สำหรับกลุ่ม Utilities และ Energy ปีนี้เราเน้นไปที่เรื่องของ Renewable Energy เนื่องจากเป็น Global Trend ในอนาคต
แม้ในระยะสั้นจะมีประเด็นที่ทำให้เกิดอุปสรรคต่อการพัฒนาโรงไฟฟ้าบางประเภทไปบ้าง แต่จากความพยายามของทุกฝ่ายในการร่วมมือหาทางออก และความที่รัฐบาลยังสนับสนุนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนเพราะ เป็น 1 ในแผนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย จึงคาดว่า ทุกอย่างน่าจะคลี่คลายไปในทางที่ดีในที่สุด
คำถาม: จากการเปลี่ยนแปลงล่าสุดที่ได้เกิดและกำลังจะเกิดขึ้นอันจะเป็นความเสี่ยงในระดับโลก อาทิเช่น ผู้นำสหรัฐคนใหม่ Brexit ที่จะมีผลในปี 2560 นี้ รวมไปถึงการเลือกตั้งผู้นำคนใหม่หลายประเทศสำคัญในยุโรป ท่านคิดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อการลงทุนในประเทศไทยรวมถึงเศรษฐกิจไทยอย่างไร
คำตอบ: ความเสี่ยงในช่วงสั้น คงเป็นเรื่องความผันผวนของ Fund flow ที่เข้า-ออกระหว่างภูมิภาค DM และ EM ซึ่งกระทบต่อ Sentiment การลงทุนในตลาดเงิน-ตลาดทุนชั่วคราว แต่คงไม่ได้กระทบต่อการลงทุนหรือเศรษฐกิจในประเทศไทย เพราะช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยขับเคลื่อนจากการลงทุนภาครัฐและการบริโภคภาคเอกชนเป็นหลัก
ระยะยาวความเสี่ยงที่กระทบต่อประเทศไทย มาจาก นโยบายการค้าใหม่ของ US ที่มีต่อจีนและเอเชีย ซึ่งนโยบายต่างๆยังไม่มีความชัดเจนในช่วงนี้ การคาดเดาต่อผลกระทบยังทำได้จำกัด ซึ่งอาจทำให้ภูมิภาคเอเชียต้องค้าขายกันเองมากขึ้น
คำถาม: ในปี 2560 นี้ท่านมีมุมมองต่อการลงทุนในกลุ่มหุ้นไทยขนาดใหญ่อย่างไร ท่านมีมุมมองต่อโอกาสในการลงทุนและความเสี่ยงต่อกลุ่มอุตสาหกรรมใดเป็นพิเศษหรือไม่ อย่างไร?
คำตอบ: ภาพรวมการลงทุนของ SET ตอนนี้ มี Upside ที่จำกัด ขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังต้องใช้เวลา ทำให้การเลือกหุ้นรายตัวมีความสำคัญอยู่มาก เนื่องจากบริษัทไทยขนาดใหญ่มี Growth story ที่ดี มีการขยายการลงทุนไปต่างประเทศ และหุ้นที่มี Market cap. ขนาดใหญ่ มี Volume การซื้อขายรายวันค่อนข้างสูงเมื่อเปรียบเทียบกับหุ้นในประเทศ ASEAN หรือมีสภาพคล่องในการซื้อขายที่สูงกว่า จึงนับว่าเป็นจุดเด่นที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยยังเป็นที่น่าสนใจจากนักลงทุนต่างชาติ
โดยกลุ่มที่ยังมีความน่าสนใจตอนนี้ ได้สะท้อนผ่าน Theme การลงทุนของ บลจ.บัวหลวง นั่นคือ “ชีวิตสบายด้วยเทคโนโลยี ชีวิตดีด้วยพลังงานสะอาด” ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ การลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยีโดยตรง ธุรกิจที่มีการปรับใช้เทคโนโลยี หรือได้ประโยชน์ของการพัฒนาทางเทคโนโลยี ซึ่งช่วยเพิ่มขอบเขตในการทำธุรกิจและการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ รวมทั้งกลุ่มที่เทคโนโลยีใหม่ทำให้เกิดการพัฒนารูปแบบธุรกิจที่แตกต่างออกไปจากในอดีต เช่น Renewable Energy เป็นต้น
คำถาม: สิ่งแรกสำหรับผู้ลงทุนที่สนใจจะลงทุนในกองทุน Bualuang Capital ควรจะทำความเข้าใจก่อนตัดสินใจลงทุนรวมไปถึงจุดเด่นที่สำคัญของกองทุนคืออะไร
คำตอบ: สิ่งสำคัญอันดับแรกนั้น นักลงทุนต้องเข้าใจลักษณะการลงทุนของตนเองว่า รับความเสี่ยงในหุ้นได้มากน้อยแค่ไหน ต้องการลงทุนเพื่อประหยัดภาษีหรือไม่ หรือต้องการลงทุนเพื่อรับเงินปันผล
ถ้าลูกค้าที่ต้องการลงทุนในหุ้น เพื่อหวังผลตอบแทนที่สูงในระยะยาว แต่ก็อยากได้เงินปันผลเป็นระยะๆ ในช่วงที่ลงทุน กองทุน BCAP จะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับลูกค้ากลุ่มนี้ เพราะกองทุน BCAP มีนโยบายจ่ายเงินปันผลสูงสุดไม่เกินปีละ 4 ครั้ง
นอกจากนี้ ผู้ลงทุนควรเข้าใจ Style การลงทุนของ บลจ.บัวหลวง และ Theme การลงทุน ว่าเป็นอย่างไร เพื่อดูว่าชอบ Style การลงทุนแบบเราหรือไม่ เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง หากนักลงทุนไม่เข้าใจรูปแบบการลงทุนก็อาจจะทนรับผลขาดทุนในช่วงสั้นๆไม่ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราเน้นย้ำต่อผู้ถือหน่วยเสมอมา
คำถาม: ทีม/ผู้จัดการกองทุนที่บริหารกองทุน Bualuang Capital นี้มีลักษณะและสไตล์การบริหารกองทุนที่โดดเด่นอย่างไร
คำตอบ: ทุกกองทุนภายใต้การบริหารจัดการของ บลจ.บัวหลวง เรายึดหลักการเดียวกัน นั่นคือ ทีมจัดการลงทุนสามารถ มองหาแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นต่อธุรกิจหรือสังคม มากำหนดเป็น Investment Theme ได้ชัดเจน และสามารถหาหุ้นลงทุนที่ได้รับประโยชน์จาก Theme นั้นๆ ได้ ส่วนการเลือกหุ้นรายตัว ได้ผ่านกระบวนการคิดวิเคราะห์เชิงกว้างและเชิงลึก เพื่อให้มั่นใจว่า หุ้นที่ลงทุนนั้นมีศักยภาพการเติบโต ความสามารถในการทำกำไรที่สม่ำเสมอ และมีความได้เปรียบในการแข่งขัน ประกอบกับมีส่วนต่างของราคาหุ้นปัจจุบันกับมูลค่าที่แท้จริง (Margin of safety)ที่สูง (ทำให้เราสามารถทำกำไรจากส่วนต่างของราคา อันเนื่องมาจากความผันผวนของตลาด ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากความไม่มีประสิทธิภาพของตลาด)
เมื่อเราพบหุ้นที่มั่นใจที่จะลงทุนแล้ว เราจะให้น้ำหนักการลงทุนมากกว่าตลาด หรือ Overweight ในการลงทุน ส่งผลให้ได้ผลตอบแทนแบบเป็นน้ำเป็นเนื้อ นอกจากนี้ การที่เราถืออย่างอดทน ผ่านความผันผวนของตลาด ถือเป็นความได้เปรียบของการลงทุนระยะยาว
นอกจากนี้ การที่เรามี Teamwork ที่ดี ช่วยให้เราสามารถหา Ideas ใหม่ๆ และ Share idea ร่วมกัน ระหว่างผู้จัดการกองทุนและทีมนักวิเคราะห์